วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568
15 มี.ค. 2568 11:40 | 133 view
@pairoj
‘ทักษิณ ชินวัตร’ ขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์โวเหมือนเดิม ‘ดิจิทัลวอลเล็ตเต็มระบบ’ มาแน่ในปีนี้ พร้อมเร่งผลักดัน ‘สเตเบิลคอยน์’ เสร็จใน 3 เดือน ตั้งเป้าดึงดูดนักลงทุน-นักท่องเที่ยว ด้าน AI เตรียมใช้ช่วยแพทย์ หลัง รพ. ขาดบุคลากร แย้มฝันตั้ง ‘ดิจิทัลเอ็มบาสซี่’ กลางกรุงใน 1 ปี
โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ (14 มีนาคม) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกล่าวเสวนาในหัวข้อ “โอกาสและอนาคตของการลงทุน” ในงานกาลาดินเนอร์ของงานสัมมนา “The World’s Next Opportunities and Beyond เปิดโอกาสลงทุนแห่งอนาคต” โดยเนื้อหาการเสวนามุ่งเน้นไปที่แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยี AI และการลดต้นทุนพลังงาน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
ในช่วงหนึ่งของการเสวนา พิธีกรได้ตั้งคำถามถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับโลกและระดับภูมิภาค นายทักษิณกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี่ โดยมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการดำเนินการเรื่องนี้ และยังมีแผนจัดตั้ง “แซนด์บ็อกซ์” ที่ภูเก็ตเพื่อใช้คริปโตเคอเรนซี่และสเตเบิลคอยน์เป็นสกุลเงินแลกเปลี่ยน
“ปัจจุบันเรากำลังทำดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อปูทางไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล นำดิจิทัลไอดีให้ประชาชนใช้ และเราจะสร้างบล็อกเชนของประเทศ ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายในปีนี้แน่นอน” นายทักษิณกล่าว พร้อมย้ำว่าโครงการสเตเบิลคอยน์ที่มีการรองรับจากพันธบัตรรัฐบาลจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
นอกจากนี้ นายทักษิณยังกล่าวถึงแนวทางดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะศูนย์ข้อมูล (Data Center), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบคลาวด์ ซึ่งเขาเชื่อว่าไทยสามารถแข่งขันในตลาดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับราคาพลังงานที่สูงในประเทศ ทำให้จำเป็นต้องลดต้นทุนพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานสีเขียว เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้
“ถ้าเราทำให้ราคาพลังงานถูกลง เราจะสามารถดึงดูดนักลงทุน AI และเทคโนโลยีขั้นสูงได้” นายทักษิณกล่าว พร้อมเน้นว่า AI กำลังมีบทบาทสำคัญ และไทยต้องพัฒนาคนให้มีความรู้ด้านนี้อย่างจริงจัง โดยยกตัวอย่างว่าหากโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกลมีแพทย์ไม่เพียงพอ AI สามารถเข้ามาช่วยวินิจฉัยโรคได้
เมื่อถูกถามถึงอนาคตของประเทศไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้า นายทักษิณกล่าวว่า เขาต้องการให้มีพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่สามารถพัฒนาเป็น “ดิจิทัลเอ็มบาสซี่” หรือสถานทูตดิจิทัล ที่สามารถรองรับบริษัทเทคโนโลยีจากหลายประเทศ และทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาค
ช่วงท้ายของการเสวนา มีผู้ร่วมงานสอบถามถึงแนวทางพัฒนาโครงสร้างพลังงานของไทย นายทักษิณระบุว่า เทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์มีการใช้งานแล้วในหลายประเทศ เช่น จีนและญี่ปุ่น แต่ยังมีต้นทุนที่สูง ในขณะที่พลังงานสีเขียว เช่น โซลาร์เซลล์ มีต้นทุนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอาจเหลือเพียง 1 บาทต่อหน่วย หากมีการลงทุนอย่างเหมาะสม
“เราต้องลดต้นทุนพลังงานให้ได้ ถ้าจาก 11 เซนต์ เหลือ 8 เซนต์ เราสู้ได้ แต่ถ้าให้ต่ำกว่านั้น ต้องวางแผนระยะยาว” นายทักษิณกล่าว พร้อมเสนอให้ใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) เพื่อบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นายทักษิณยังกล่าวถึงนโยบายด้านดิจิทัล โดยยกตัวอย่างโครงการแท็บเล็ตนักเรียนสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ถูกยกเลิกหลังรัฐประหาร และกล่าวว่าวันนี้ไทยมีโอกาสพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มที่หากมีการเตรียมบุคลากรให้พร้อม โดยเฉพาะในยุค AI ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกอย่างมหาศาล
“ถ้าเราไม่นำเทคโนโลยีเข้ามา ก็จะล้าหลัง เราต้องทำให้ต้นทุนพลังงานต่ำที่สุดเพื่อแข่งขันได้” นายทักษิณกล่าวย้ำก่อนจบการเสวนา
ข่าว
15 มี.ค. 2568 17:31 48 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 17:23 67 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 17:13 57 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 16:30 57 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 15:59 73 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 15:40 78 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 14:14 120 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 13:23 102 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 12:13 99 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 12:08 99 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 11:56 104 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 11:43 112 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 11:40 134 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 11:36 116 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 11:32 121 views
ข่าว
15 มี.ค. 2568 11:21 129 views