โปรตุเกสมีแนวโน้มที่จะมีการเลือกตั้งเป็นครั้งที่สามในรอบสามปี หลังจากที่หลุยส์ มอนเตเนโกรลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในข้อพิพาทเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีหลุยส์ มอนเตเนโกร ของโปรตุเกสประกาศลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังรัฐบาลของเขาพ่ายแพ้การลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภา

ประธานาธิบดีมาร์เซโล เรเบโล เด โซซาได้หารือเบื้องต้นกับบรรดานักการเมือง รวมทั้งมอนเตเนโกรและพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) เพื่อหาทางป้องกันวิกฤตทางการเมือง

หลังจากนั้น มอนเตเนโกรซึ่งเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่มั่นคง กล่าวว่า "มีความเป็นไปได้สำหรับการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 11 พฤษภาคม"

เปโดร นูโน ซานโตส หัวหน้าพรรคสังคมนิยมกล่าวว่าพวกเขาหวังว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะนำมาซึ่งเสถียรภาพ ในขณะที่อันเดร เวนตูรา หัวหน้าพรรคเชกาขวาจัด ก็ระบุเช่นกันว่าประธานาธิบดีสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 11 พฤษภาคม

นูโน ซานโตสและเวนตูราได้เข้าพบกับประธานาธิบดีซึ่งคาดว่าจะปรึกษาหารือกับสภาแห่งรัฐของประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาของนักการเมืองระดับสูงในลำดับต่อไป

นักการเมืองเหล่านี้กำลังพิจารณาหาทางออกระหว่างการตั้งรัฐบาลใหม่หรือไม่ก็จัดการเลือกตั้งใหม่ไปเลย ซึ่งคาดว่าจะได้คำตอบในเย็นวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์

หากมีการจัดการเลือกตั้งก็น่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 11 หรือ 18 พฤษภาคม

มอนเตเนโกรเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังจากการลาออกของอันโตนิโอ คอสตา ซึ่งพัวพันในคดีการแสวงหาผลประโยชน์

ในเวลาต่อมา คอสตาซึ่งปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายและไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ ได้กลายเป็นประธานสภายุโรปในเดือนมิถุนายนของปีที่แล้ว

ความขัดแย้งที่นำไปสู่การล่มสลายของมอนเตเนโกรมีศูนย์กลางอยู่ที่บริษัทของภรรยาและลูกของเขา ซึ่งทำสัญญากับบริษัทเอกชนหลายแห่ง รวมถึงบริษัทหนึ่งที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ

อัยการสูงสุดของโปรตุเกสกล่าวเมื่อวันพุธว่าเขาได้รับเรื่องร้องเรียนสามเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวของนายกรัฐมนตรี

"จากหลักฐานที่เรารวบรวมได้จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเปิดการสอบสวน แต่ระบบยุติธรรมกำลังพิจารณาคำร้องเรียนอยู่" อัยการกล่าวกับผู้สื่อข่าว

มอนเตเนโกรกล่าวว่าเขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งหากมีกระแสเรียกร้อง แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวโปรตุเกสบางส่วนไม่ตื่นเต้นกับการกระทำนั้น

"เรามีการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วและตอนนี้เราต้องจัดการเลือกตั้งอีกครั้ง ในความเห็นของฉัน ดูเหมือนว่านั่นจะไม่ดีสำหรับประเทศเลย" มาเรีย เลโอนอร์ ประชาชนคนหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพี

บริษัทจัดอันดับทางการเงิน 'DBRS Morningstar' กล่าวว่า "สิ่งนี้เพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองในโปรตุเกสในช่วงเวลาที่ความเสี่ยงภายนอกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และแรงกดดันในการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศกำลังเพิ่มขึ้น"

"โอกาสที่การเลือกตั้งใหม่จะสามารถคลี่คลายทางตันทางการเมืองได้อย่างรวดเร็วนั้นยังไม่แน่นอน ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดชี้ให้เห็นการกระจายที่นั่งที่ใกล้เคียงกันหากมีการประกาศการเลือกตั้งใหม่" บริษัทฯระบุ

ผลสำรวจความคิดเห็นที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารในหนังสือพิมพ์ 'Diario de Noticias' ระบุว่าพรรคสังคมนิยมมีคะแนนนำเล็กน้อยที่ 30.8%

กลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยสายกลาง-ขวาซึ่งมีมอนเตเนโกรเป็นหัวหน้ามีคะแนนตามมาที่ 25.8% ตามมาด้วยพรรคเชกาที่ได้ไปประมาณ 17%.