ศึกดาร์บีกรุงมาดริดสู้กันแบบเขี้ยวลากดิน สุดท้ายสกอร์รวมเจ๊าและต้องตัดสินด้วยจุดโทษ ก่อนเป็นฝั่งเรอัล มาดริด ยิงแม่นกว่า ได้ผ่านเข้ารอบยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2024-25 รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ศึกระหว่าง 2 ทีมจากสเปน “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด เปิดสนามริยาด แอร์ เมโตรโปลิตาโน รับการมาเยือนของแชมป์เก่า “ราชันชุดขาว”เรอัล มาดริด

แมตช์แรกที่เจอกันนั้นมาดริดเปิดบ้านชนะมาได้ก่อน 2-1 ส่วนเกมนี้เจ้าบ้านส่ง ฮูเลียน อัลวาเรซ, อ็องตวน กรีซมันน์, จูเลียโน ซิเมโอเน ลงตัวจริง ขณะที่ทีมเยือนใช้งาน คีลิยัน เอ็มบัปเป, วินิซิอุส จูเนียร์, จูด เบลลิงแฮม

เริ่มเกมมาได้ราว 27 วินาที โรดริโก เด ปอล ได้บอลทางด้านขวาแล้วปาดเข้ากลาง แนวรับมาดริดสกัดไม่อยู่ทะลักมาเข้าทาง คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ยิงระยะเผาขนไม่เหลือซาก แอตฯ มาดริดนำ 1-0 และนี่เป็นประตูที่เกิดขึ้นด้วยเวลารวดเร็วสุดอันดับ 10 ในประวัติศาสตร์แชมเปียนส์ ลีก

นาที 25 แอตฯ มาดริดมีลุ้นทำประตูอีกครั้ง กองหลังมาดริดโหม่งสกัดบอลมาเข้าเท้า ฮูเลียน อัลวาเรซ พักลงแล้วกระชากเข้าเขตโทษก่อนเข่นด้วยซ้ายเต็มแรง ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ต้องออกแรงกระโดดปัดทิ้ง

นาที 39 จูเลียโน ซิเมโอเน ครองบอลทางริมกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนไหลต่อให้ ฮูเลียน อัลวาเรซ สอดมารับแล้วยิงมุมแคบหวังยัดเสาแรก ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ปิดมุมรออยู่แล้วเลยทุบออกไปได้ แอตฯ มาดริดบวกสกอร์เพิ่มไม่สำเร็จ แต่ก็ยังเป็นฝ่ายนำเมื่อจบครึ่งแรก 1-0

ครึ่งหลังนาที 47 ยังคงเป็นฝั่งแอตฯ มาดริดที่มีโอกาสลุ้นทำประตูเพิ่ม อ็องตวน กรีซมันน์ ครองบอลแล้วแปะต่อให้ ฮูเลียน อัลวาเรซ แต่งหาช่องก่อนยิงจากระยะประมาณ 20 หลา ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ยังเหนียวปัดออกไปได้

นาที 68 คีลิยัน เอ็มบัปเป สบช่องกระชากบอลลุยเข้าพื้นที่เขตโทษแล้วโดน เกลม็องต์ ล็องเลต์ เหนี่ยวล้มลง ผู้ตัดสินจึงเป่าให้จุดโทษแก่มาดริด วินิซิอุส จูเนียร์ รับหน้าที่สังหารแต่ยิงลูกหลุดกรอบไปเองในนาที 70 ทำให้สกอร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง

นาที 71 แอตฯ มาดริดมีโอกาสลุ้นประตูอีก จูเลียโน ซิเมโอเน ได้บอลทางฝั่งขวาแล้วเลี้ยงขึ้นมาจนเข้าพื้นที่เขตโทษ ก่อนสบช่องยิงลูกพุ่งเข้าทางเสาแรก ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ปิดมุมอยู่จึงปัดออกไปได้ หมดเวลาแอตฯ มาดริดชนะ 1-0 สกอร์รวมเสมอกัน 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลาทั้งคู่ต่างไม่สามารถยิงประตูเพิ่มกันได้ ทำให้หมดเวลา 120 นาที แอตฯ มาดริดชนะ 1-0 และสกอร์รวมเสมอ 2-2 เช่นเดิม ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

ปรากฏว่าฝั่งมาดริดได้เตะ 5 คน ยิงเข้า 4 คน มีเพียง ลูกัส บาซเกซ ยิงติดเซฟนายทวาร ส่วนแอตฯ มาดริดเตะ 4 คน ยิงเข้า 2 คน ฮูเลียน อัลวาเรซ เกิดลื่นก่อนเตะเข้า ซึ่งวีเออาร์มองว่าเท้าที่ลื่นไปโดนบอลก่อนเท้าที่เตะ จึงถือเป็นการเล่น 2 จังหวะและไม่ให้ประตู ขณะที่ มาร์กอส ยอเรนเต ยิงชนคาน มาดริดจึงชนะ 4-2

ผลคู่อื่น ลีลล์ (ฝรั่งเศส) แพ้ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ (เยอรมนี) 1-2 ดอร์ตมุนด์ชนะผลรวม 3-2, แอสตัน วิลลา (อังกฤษ) ชนะ คลับ บรูช (เบลเยียม) 3-0 วิลลาชนะผลรวม 6-1, อาร์เซนอล (อังกฤษ) เสมอ พีเอสวี (เนเธอร์แลนด์) 2-2 อาร์เซนอลชนะผลรวม 9-3

แมตช์รอบก่อนรองชนะเลิศมีดังนี้ อาร์เซนอล (อังกฤษ) – เรอัล มาดริด (สเปน), ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) – แอสตัน วิลลา (อังกฤษ), บาร์เซโลนา (สเปน) – โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ (เยอรมนี), บาเยิร์น มิวนิก (เยอรมนี) – อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) นัดแรกเตะวันที่ 8-9 เมษายน และนัดสอง 15-16 เมษายน