ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เสร็จสิ้นการไต่สวนนัดสุดท้ายในคดีที่ถูกรัฐสภาถอดถอน ด้วยการยืนยันว่าการประกาศกฎอัยการศึกของตนนั้นมีเหตุผลเพียงพอและเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญ

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล ของเกาหลีใต้ขึ้นศาลนัดสุดท้ายเพื่อไต่สวนในคดีที่ถูกรัฐสภาถอดถอนจากตำแหน่งเพราะการประกาศกฎอัยการศึกโดยมิชอบเมื่อปีที่แล้ว

ศาลรัฐธรรมนูญในกรุงโซลได้ดำเนินการไต่สวนการถอดถอนดังกล่าวที่เต็มไปด้วยความยุ่งยากมาหลายสัปดาห์ โดยการพิจารณาคดีในวันอังคารถือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่คณะผู้พิพากษาจะพิจารณาปลดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการหรือไม่อย่างไร

ในคำกล่าวปิดท้าย ยุนได้ปกป้องการประกาศอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมว่าเป็น "การประกาศให้ประชาชนรู้ว่าประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านการดำรงอยู่"

"การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของผม กองกำลังภายนอก รวมทั้งเกาหลีเหนือ ได้ร่วมกับกลุ่มต่อต้านรัฐภายในสังคมของเราเพื่อคุกคามความมั่นคงและอธิปไตยของชาติของเราอย่างจริงจัง" ยุนกล่าวต่อศาล

ก่อนหน้านี้ จอง ชุงแร สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านได้เรียกร้องให้ศาลยืนหยัดต่อการถอดถอนประธานาธิบดีในคำแถลงปิดท้ายที่สะเทือนอารมณ์ โดยรำลึกถึงการที่เขาถูกทรมานโดยรัฐบาลทหารของเกาหลีใต้ในช่วงทศวรรษ 1980 และชี้ให้เห็นว่าผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนคงทุกข์ทรมานภายใต้การปกครองด้วยกฎอัยการศึกที่เข้มงวดและจำกัดเสรีภาพโดยไม่มีเหตุอันควร

ทีมทนายความของยุนต่อสู้โดยการอ้างถึงคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐฯ ในปี 2024 เรื่อง Donald Trump v. the United States โดยให้เหตุผลว่าประธานาธิบดีจะไม่สามารถถูกลงโทษจากการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ

ในศาลเป็นการสู้กันของทีมทนายทั้งสองฝั่ง ขณะที่นอกศาลมีกลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนยุนเรียกร้องให้ยุติการฟ้องร้อง

บางคนถือป้ายประณามพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเกาหลีเหนือ ซึ่งผู้สนับสนุนยุนบางคนกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานว่าทั้งสองชาติได้แทรกแซงการเลือกตั้งเกาหลีใต้เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อช่วยเหลือพรรคฝ่ายค้านให้ได้ครองอำนาจ

คาดการณ์ว่าคำตัดสินของศาลจะออกมาในช่วงกลางเดือนมีนาคม หากศาลไม่เลื่อนการพิจารณาคดี

ในสมัยก่อน อดีตประธานาธิบดีปาร์ค กึนเฮ และโรห์ มูฮย็อนซึ่งเคยถูกถอดถอนจากตำแหน่ง ต้องรอ 11 และ 14 วันตามลำดับ จึงจะทราบชะตากรรมของตนเอง

เกาหลีใต้จะต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ภายใน 60 วัน หากยุนถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

ผู้นำวัย 64 ปีรายนี้อยู่ระหว่างการควบคุมตัวตั้งแต่ถูกจับกุมเมื่อเดือนที่แล้วในข้อหาก่อกบฏ ซึ่งเขาอาจถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตหรืออาจถึงขั้นประหารชีวิต โดยการพิจารณาคดีในข้อหาดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน

ขณะที่การพิจารณาคดีถอดถอนส่วนใหญ่เน้นไปที่การพิจารณาว่าประธานาธิบดีกระทำการละเมิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากการประกาศกฎอัยการศึกซึ่งสงวนไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติหรือในช่วงสงคราม โดยพรรคฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเขาใช้อำนาจพิเศษโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

ทนายความของยุนกล่าวว่า ผู้นำประเทศพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วถึงความจำเป็นในการประกาศกฎอัยการศึก เพื่อเตือนประชาชนให้ตระหนักถึงอันตรายของ "เผด็จการทางกฎหมาย" ที่ดำเนินการโดยฝ่ายค้านในรัฐสภา

ผลสำรวจของบริษัทสำรวจความคิดเห็น 'Realmeter' ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 52% สนับสนุนการปลดยุนออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ขณะที่ผลสำรวจของ 'Gallup' ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 60% สนับสนุน และ 34% ไม่เห็นด้วยกับการถอดถอนประธานาธิบดียุน.