สื่ออินเดียจับตาร่างกม.สถานบันเทิงครบวงจร เผยทุนพนันระดับโลกลุ้นไทยไฟเขียวกาสิโน

นสพ.Hindustan Times ของอินเดีย เสนอรายงานพิเศษ Thailand tightens casino rules: Will tourists still flock to gamble? ระบุว่า ประเทศไทยได้เข้มงวดข้อเสนอในการทำให้กาสิโนถูกกฎหมายภายใน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” หรือสถานบันเทิงครบวงจร ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับศักยภาพในการพนันที่มีปัญหา ขณะที่ไทยกำลังก้าวเข้าใกล้การเป็นผู้เล่นรายล่าสุดในอุตสาหกรรมเกมพนันระดับโลก

ร่างแก้ไขร่างกฎหมายว่าด้วยสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งเผยแพร่มาตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 2568 เสนอให้กาสิโนมีพื้นที่ไม่เกินร้อยละ 10% ของสถานที่ดังกล่าว และระบุข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลสำหรับชาวไทยที่ต้องการเล่นการพนัน ที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจรจะได้รับการพิจารณาและกำหนดอย่างรอบคอบโดยคณะกรรมการพิเศษ ตามร่างกฎหมายซึ่งนำเสนอให้สาธารณชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นจนถึงวันที่ 1 มี.ค. 2568

การเปลี่ยนแปลงอีกประการหนึ่งก็คือ กาสิโนจะต้องแยกออกจากส่วนอื่นๆ ของสถานบันเทิงครบวงจร โดยต้องมีประตูและทางเข้าเป็นของตนเอง ข้อเสนอยังคงกำหนดให้ต้องมีธุรกิจประเภทอื่นๆ อย่างน้อย 4 ประเภทตั้งอยู่ด้วย ซึ่งอาจรวมถึงห้างสรรพสินค้า โรงแรม สวนสนุก และสโมสรเรือยอทช์ ทั้งนี้ รัฐบาลไทยตั้งเป้าที่จะผ่านร่างกฎหมายกาสิโนในปี 2568 เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น

ซึ่งหากร่างกฎหมายผ่านออกมาได้จริง จะถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับบริษัทการพนันระดับโลกที่รณรงค์ให้กาสิโนในประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวแห่งนี้ถูกกฎหมายมาอย่างยาวนาน อาทิ Galaxy Entertainment Group Ltd. และ MGM Resorts International กำลังศึกษาโอกาสที่อาจเกิดขึ้นในประเทศไทยเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอนาคตที่ไม่แน่นอนในมาเก๊า รวมถึง Las Vegas Sands Corp. ก็สนใจที่จะขยายกิจการไปยังประเทศไทย

บริษัทด้านการเงินระดับโลกอย่าง ซิตี้ (Citi) ระบุในรายงานเมื่อปี 2567 ว่า ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมเกมพนันระดับโลกได้ หากกาสิโนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในเวลาประมาณ 6 ปี โดยรายได้จากกาสิโนในไทยอาจสูงถึง 9.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 3 แสนล้านบาท) ทำให้เป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากมาเก๊าและลาส เวกัส โดยแซงหน้าเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันไทยเป็นประเทศเดียวในทวีปเอเชียที่อนุญาตให้เข้าถึงกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย และล่าสุดเมื่อเดือน ม.ค. 2568 การแต่งงานของเพศเดียวกันยังกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะทำให้คู่รักกลุ่มหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) เดินทางไปประเทศไทยเพื่อจัดงานแต่งงานมากขึ้น แต่สำหรับการผลักดันกาสิโนถูกกฎหมายอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีกระแสต่อต้านอย่างมากในสังคมไทย ดังผลสำรวจเมื่อเดือน ม.ค. 2568 กลุ่มตัวอย่างกว่าครึ่งไม่เห็นด้วยกับกาสิโนและการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย

ในความพยายามแก้ไขข้อกังวลเรื่องการเสพติดการพนัน ผู้ร่างกฎหมายได้ออกข้อกำหนดว่าคนไทยทั่วไปจะไม่สามารถเข้าไปใช้บริการกาสิโนได้ โดยผู้ที่จะเข้าไปเล่นได้ต้องแสดงใบแจ้งยอดเงินฝากประจำที่แสดงยอดเงินคงเหลืออย่างน้อย 50 ล้านบาท (ราว 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) ย้อนหลัง 6 เดือน แต่หากเป็นชาวต่างชาติ ขอเพียงมีอายุอย่างน้อย 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น

ร่างกฎหมายยังกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต ต้องจ้างแรงงานไทยเพื่อทำงานภายในสถานบันเทิงครบวงจรในสัดส่วนที่คณะกรรมการนโยบายซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นผู้กำหนด โดยเมื่อจัดตั้งแล้ว คณะกรรมการจะเสนอกฎเกณฑ์อื่นๆ ต่อคณะรัฐมนตรี เช่น อัตราภาษีสำหรับกาสิโน จำนวนใบอนุญาตที่จะออกให้ และจำนวนที่ดินที่กาสิโนสามารถครอบครองได้ภายในสถานบันเทิงครบวงจรนั้นๆ

ภายใต้กฎหมายที่เสนอนี้ สถานบันเทิงครบวงจรจะต้องดำเนินการโดยบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยซึ่งมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วอย่างน้อย 10,000 ล้านบาท ใบอนุญาตอายุ 30 ปีจะมีค่าใช้จ่าย 5,000 ล้านบาทในปีแรกและ 1,000 ล้านบาทในแต่ละปีที่เหลือ และใบอนุญาตสามารถต่ออายุได้นานถึง 10 ปีในแต่ละครั้งที่ต่ออายุ หลังจากช่วงการพิจารณาในที่สาธารณะ คาดว่าร่างกฎหมายจะได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ก่อนที่จะได้รับการพิจารณาโดยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในช่วงปลายปี 2568 ซึ่ง โดยปกติแล้ว ทั้งสภาล่างและสภาสูงจะใช้เวลาหลายเดือนในการผ่านร่างกฎหมายในวาระที่จำเป็น 3 วาระ