จัดทำรธน.ใหม่ เอวัง! พรรคภูมิใจไทย ประกาศจุดยืนไม่ร่วมสังฆกรรม
13 -14 ก.พ. นี้ หวั่นขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.ปี 2564 ยันไม่ใช่การขวาง แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ‘อนุทิน’ แจ้งนายกฯ และแกนนำเพื่อไทยรับทราบแล้ว เชื่อไม่กระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล

วานนี้ 12 ก.พ. 2568 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยถึงจุดยืนของพรรคในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13-14 ก.พ. 2568 เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าพรรคมีมติชัดเจน “ไม่ร่วมพิจารณา” เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวยังไม่เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย

นายอนุทิน ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตั้งแต่ปี 2564 ว่า หากต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อน ซึ่งในขั้นตอนปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าว พรรคภูมิใจไทยจึงมองว่า การเข้าร่วมพิจารณาอาจสุ่มเสี่ยงขัดต่อคำวินิจฉัยของศาล

“เราเป็นพรรคการเมือง จะทำขัดต่อกฎหมายไม่ได้” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าว “พรรคมีทีมกฎหมาย และที่ปรึกษากฎหมายที่พิจารณาประเด็นนี้อย่างรอบคอบ ทุกคนเห็นตรงกันว่าเสี่ยงไม่ได้”

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็น “แพะรับบาป” หรือถูกมองว่าเป็นฝ่ายขวางการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่า “เราไม่ได้ขวาง แต่ต้องการให้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย” พร้อมชี้ว่า ทุกพรรคมีแนวทางของตัวเองและนี่เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารหรือพรรคร่วมรัฐบาล

“นี่ไม่ใช่เรื่องของครม. ไม่มีมติพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องของรัฐสภาและเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค” นายอนุทินกล่าว “เหมือนตอนที่เราผลักดันกฎหมายกัญชา บางพรรคไม่เห็นด้วย เราก็ไม่ได้โวยวายอะไร”

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังเผยว่า ได้แจ้งเรื่องนี้ให้นายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย เช่น นายชูศักดิ์ ศิรินิล และนายภูมิธรรม เวชยชัย ทราบแล้ว ซึ่งได้รับคำตอบว่าให้รอดูสถานการณ์

"แม้พรรคจะไม่ร่วมพิจารณาวาระนี้ แต่สมาชิกพรรคจะยังคงเข้าห้องประชุมตามปกติ โดยจะเซ็นชื่อแสดงตัวว่าเข้าร่วมประชุม แต่จะไม่อภิปรายหรือมีส่วนร่วมในวาระดังกล่าว" นายอนุทิน กล่าวและย้ำว่า "พรรคต้องไปประชุมเพราะมีวาระอื่นๆ ด้วย แต่ในวาระแก้รัฐธรรมนูญ เราจะแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบว่าเราไม่ร่วมพิจารณา”

เมื่อถูกถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็นฝ่ายยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ นายอนุทินตอบชัดเจนว่า “ไม่” เพราะเป็นหน้าที่ของ สส. ทุกคนในการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อรักษาสถานะทางกฎหมายของตนเอง