แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้มีรูปแบบการหลอกลวงที่แยบยล โดยสร้างเพจปลอมเลียนแบบหน่วยงานตำรวจและ ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) พร้อมคีย์เวิร์ด "ติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืน" และทำการ "ยิงแอด" โฆษณาเพื่อปั่นยอดไลค์ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเพจ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ ติดต่อเข้าไป ก็จะถูกล่อลวงให้เข้าไปในกลุ่มไลน์ ที่มี "ทนายความ" "ผู้เชี่ยวชาญ" "หัวหน้าฝ่ายไอที" คอยสร้างเรื่องราวความน่าเชื่อถือ อ้างว่าเงินที่ถูกหลอกไปนั้น ไหลไปยังเว็บพนันในต่างประเทศ และเสนอตัวช่วยติดตามเงินคืน โดยมีค่าใช้จ่ายแอบแฝง สุดท้ายเหยื่อก็จะถูกหลอกซ้ำสอง

จุดเริ่มต้นของการจับกุมครั้งนี้ มาจากการที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับ สน.หัวหมาก ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง ตำรวจจึงเริ่มทำการสืบสวนสอบสวน จนกระทั่งพบข้อมูลสำคัญที่นำไปสู่การออกหมายจับ นายยี และ นายลี่  ตำรวจ PCT ได้แกะรอยจนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และเช่าบ้านหรูอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ จึงได้นำกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด กระทั่งวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ทีมสารวัตรแจ๊ะได้เข้าจับกุม นายลี่ ได้ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านรัชดา

จากนั้นตำรวจได้ขยายผลไปยังบ้านพักหรู และจับกุม นายยี ได้ในที่สุด โดยก่อนถูกจับกุม นายยี พยายามที่จะลบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่สำเร็จ จากการตรวจค้นบ้านพักหรู ตำรวจได้ยึดของกลางหลายรายการ มูลค่ารวมกว่า 15 ล้านบาท ได้แก่ เงินสด (ไทยและต่างประเทศ) มูลค่าประมาณ 417,546.67 บาท, ของแบรนด์เนมจำนวนมาก มูลค่าประมาณ 4,305,846.67 บาท, รถยนต์หรู Benz Maybach S580e ราคาประมาณ 11,000,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ซึ่งพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองเป็นระดับ "บิ๊กบอส" ที่มีธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และบริษัทฟอกเงินหลายแห่งในประเทศเพื่อนบ้าน และมีพฤติกรรม "ยิง SMS" หลอกลวงประชาชน โดยมีการซื้อข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์จำนวนมาก   ตำรวจกำลังเร่งขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป