‘ทรัมป์’เผยอยากยุบกระทรวงศึกษาธิการ แต่ไม่ง่ายเพราะต้องให้รัฐสภาเห็นชอบ

5 ก.พ. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Trump seeks executive order, cooperation with Congress to shut Education Department ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2568 ว่า ตนต้องการยุบกระทรวงศึกษาธิการ โดยใช้คำสั่งของฝ่ายบริหาร แต่ยอมรับว่าจะต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาและสหภาพครูเพื่อทำตามที่ตนได้หาเสียงไว้

ทรัมป์ใช้เวลาสัปดาห์แรกๆ ในตำแหน่งในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบงานภาครัฐของสหรัฐฯ โดยเรียกร้องให้บุคลากรของรัฐบาลกลางกลับมาทำงานในสำนักงานหรือไม่ก็ลาออก เรียกร้องให้ลดค่าใช้จ่ายและเลิกจ้าง และปฏิรูปหรือพยายามปิดหน่วยงานต่างๆ เช่น หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการก็เป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ที่ทรัมป์ต้องการจัดการ

ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาว คาดว่าคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์น่าจะออกในช่วงปลายเดือน ก.พ. 2568 โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ดำเนินการปิดกระทรวง อย่างไรก็ตาม จะมีการทบทวนแผนเป็นเวลา 90 วันและจะขอความคิดเห็นจากรัฐสภา ซึ่งในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2568 ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายต่อหัวนักเรียนมากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก แต่กลับมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่แย่มาก คืออยู่ในลำดับท้ายๆ ดังนั้นสิ่งที่ตนต้องการทำคือกระจายอำนาจให้มลรัฐต่างๆ บริหารโรงเรียนได้เอง

ทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่า ตนได้กำชับให้ ลินดา แม็กมาฮอน (Linda McMahon) ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดำเนินการปิดกระทรวง ซึ่งขณะนี้ แม็กมาฮอน ยังไม่ได้รับรองจากที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ หากทำได้ตนก็อยากใช้อำนาจฝ่ายบริหารปิดกระทรวงด้วยตนเอง แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาในการออกมาเป็นกฎหมาย

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้พรรครีพับลิกัน ต้นสังกัดของทรัมป์ จะครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาสูง โดยมี สว. 53 คน มากกว่าพรรคเดโมแครต ซึ่งมีอยู่ 47 คน แต่การออกกฎหมายบางเรื่อง เช่น การยุบหน่วยงานในระดับที่มีรัฐมนตรีเป็นผู้บริหาร ต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 60 เสียง ซึ่งเท่ากับว่า จำเป็นต้องมี สว. จากพรรคเดโมแครต อย่างน้อย 7 คน เห็นด้วยกับแนวคิดของทรัมป์ นอกจากนั้น ทรัมป์ยังระบุว่า ตนต้องการทำงานร่วมกับสหภาพครู เพราะเป็นองค์กรเดียวที่คัดค้านเรื่องนี้

ในเบื้องต้น ยังไม่พบ สว. จากพรรคเดโมแครต ที่เห็นด้วยกับแนวคิดยุบกระทรวงศึกษาธิการของทรัมป์ ขณะที่ แรนดี ไวน์การ์เทน (Randi Weingarten) ประธานสหพันธ์ครูอเมริกัน กล่าวว่า สหภาพฯ ยินดีที่จะพูดคุยกับทรัมป์ อย่างไรก็ตาม รัฐต่างๆ และเขตปกครองท้องถิ่นต่างบริหารโรงเรียนของรัฐมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งตนกังวลมากว่าการดำเนินการครั้งนี้จะทำลายชีวิตของเด็กๆ ที่เป็นลูกหลานของทั้งชนชั้นรากหญ้าและชนชั้นกลางจำนวนหลายล้านคน ซึ่งระบบการศึกษาของรัฐได้รับการปรับปรุงด้วยงบประมาณของรัฐบาลกลาง

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว กล่าวว่า งานบางอย่างที่กระทรวงศึกษาธิการกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันอาจย้ายไปยังหน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน และกระทรวงยุติธรรม แม้ว่าคำสั่งของฝ่ายบริหารจะไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนั้นก็ตาม โดยก่อนหน้านี้ ในยุคสมัยของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) จากพรรคเดโมแครต ทางพรรครีพับลิกันได้วิพากษ์วิจารณ์กระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการล้างหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และการสนับสนุนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความครอบคลุม (DEI)

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกโปรแกรม DEI ในรัฐบาลกลาง และเจ้าหน้าที่อาวุโสบางคนในกระทรวงศึกษาธิการก็ถูกพักงานไปแล้ว