วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568
29 ม.ค. 2568 14:24 | 424 view
@pracha
‘รมช.ศธ.’กางปฏิทินแจก'แท็บเล็ต-โน๊ตบุ๊ก'ให้นักเรียน
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมช.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมประสานภารกิจของ ศธ. ว่า ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา ได้อนุมัติเห็นชอบ โครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอ (The Digital Skill/Credit Portfolio: Empowering Educations) โดยอนุมัติงบประมาณ 4,214,738,090 บาท และโครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา หรือ Anywhere Anytime งบประมาณ ระยะที่ 2 ปี เป็นงบผูกพัน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2569-2573 จำนวน 29,765,253,600 บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอ สำหรับการแจกอุปกรณ์เสริมการสอนของนักเรียนและครูไม่ว่าจะเป็น แท็บเล็ต แล็บท็อป โน้ตบุค หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในรูปแบบเช่าใช้งาน พร้อมสัญญาณอินเตอร์เน็ตคุณภาพสูง โดยในปี 2568 ได้ขอจัดสรรเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่นักเรียน ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ในกลุ่มโรงเรียนคุณภาพชุมชน และโรงเรียนขยายโอกาส จำนวนกว่า 6 แสนคน
ส่วนในปี 2569 ได้ขอจัดสรรงบประมาณไปจำนวน 2.9 หมื่นล้านบาท สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่เหลือทั้งหมด ประมาณ 1.2 ล้านคน ซึ่งในงบประมาณปี 2569 จะขยายผลไปยังนักเรียนชั้นมัธยมต้น(ม.1-ม.3) ในโรงเรียนคุณภาพ และโรงเรียนขยายโอกาสอีกจำนวนหนึ่งด้วย ดังนั้น โครงการต่อเนื่องในปี 2568-2569 คาดว่าเด็กและครูจะได้ใช้อุปกรณ์นี้ประมาณ 1.8 ล้านคน โดยเราจะเป็นประเทศต้นๆ ที่ได้ใช้แอปพลิเคชั่นนี้ เพื่อประโยชน์หลายด้านในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการศึกษาไทย ซึ่งปีนี้ก็น่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ ศธ. โดย สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ดำเนินโครงการส่งเสริมการเรียนรู้อาชีวศึกษาทุกที่ ทุกเวลา งบประมาณ 3,302 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา 3,212 ล้านบาท สำหรับแจกให้ครูและนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)1-3 ประมาณ 159,332 ราย และโครงการผลิตสื่อวิดีทัศน์หรือสื่อโทรทัศน์เพื่อการศึกษาอาชีวศึกษา 90,000 บาท โดยอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ระยะเวลา 4 ปี (ปีงบประมาณ 2569-2572) เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว
“ต่อจากนี้ ศธ.จะไปคุยกับสำนักงบประมาณ เพื่อจะบรรจุงบประมาฯส่วนนี้ในปี 2569 สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการนั้น ในส่วนงบปี 2567 ศธ. ได้รับงบสำหรับเช่า คลาวด์และพัฒนาคอนเทนต์ ซึ่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างตรวจรับงาน คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด ส่วนปีงบ 2568 นั้น จะเริ่มดำเนินการเช่าอุปกรณ์เสริมเพื่อแจกนักเรียนและครู โดยมีการกำหนดสเปกและจัดทำร่างขอบเขตงาน หรือทีโออาร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะเป็นแท็บเล็ต หรือโน๊ตบุ๊ก เพียงแต่ขอให้เป็นไปตามสเปก คุณสมบัติ ซอฟต์แวร์ภายในที่กำหนด ซึ่งคาดว่า จะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ เหลือเพียงหารือรายละเอียดบางส่วนกับกรมบัญชีกลาง ที่ยังมีข้อกังวลอีกเล็กน้อย สำหรับในส่วนของคุณสมบัติของบริษัทที่จะเข้าร่วมประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้งนั้น ศธ.ให้ความสำคัญกับมาตรฐานและคุณภาพ โดยบริษัทที่จะเข้าร่วมอี-บิดดิ้ง จะต้องเป็นบริษัทที่ได้มาตรฐาน มีผลงานและไม่เคยมีปัญหากับภาครัฐ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย เน้นข้อกฏหมาย ซึ่งหากกรมบัญชีกลางให้ความเห็นชอบ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา หากทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน คาดว่าจะสามารถเช่าอุปกรณ์เสริม เพื่อแจกนักเรียนได้ทันภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา2568” นายสุรศักดิ์ กล่าว
รมช.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) รายงานให้ที่ประขุมรับทราบการวิเคราะห์สภาวะการศึกษาไทย ของ Thai Education Situation Analysis (TESA) DASHBOARD รายงานสภาวะการศึกษาไทย ไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2568 ชี้ให้เห็นว่า ผลการวิเคราะห์ลึกลงไปในการสอบ PISA 2022 ประเทศไทย มีกลุ่มเด็กช้างเผือกอยู่ถึง 15% ซึ่งมากกว่ากลุ่มประเทศสมาชิกที่มีอยู่เพียง 10% นั้น พล.ต.อ.เพิ่มพูน รมว.ศธ.จึงฝากให้แต่ละองค์กรหลัก ของศธ. ช่วยกันคิด ช่วยกันเสนอแนะเพื่อส่งเสริมเด็กกลุ่มดังกล่าว และพัฒนาการจัดการศึกษาเด็กทั่วไป ส่วนการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษาเชิงระบบ ตนได้ชี้แจงการดำเนินการดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แล้ว ซึ่งก็ได้รับความชื่นชม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ศธ. จะสามารถดูข้อมูลเด็กที่หบุดจากระบบการศึกษาตามทะเบียนราษฎรทั้งหมด100% ดังนั้น ก็จะทำให้รู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร และจะมารถตามตัวเด็กที่สมัครใจกลับเข้าระบบการศึกษาได้มากขึ้น ส่วนเด็กคนใดไม่สามรรถมาเรียนในระบบได้ก็จะสามารถจัดการศึกษาให้ตามบริบทของผู้เรียนได้
ข่าว
30 ม.ค. 2568 17:01 86 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 16:56 92 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 16:06 108 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 16:03 88 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 15:17 329 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 14:21 116 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 14:18 130 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 14:13 215 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:49 269 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:43 179 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:16 83 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:12 177 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:07 173 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:01 159 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 09:53 198 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 09:47 189 views