วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568
29 ม.ค. 2568 14:14 | 275 view
@pracha
‘มท.1’ นั่งหัวโต๊ะวอร์รูมระดมกึ๋นแก้ปัญหาฝุ่นพิษ! ยกระดับคุมเข้มมาตรการห้ามเผาเด็ดขาด รับหาวิธีนำเงินเยียวยาชาวบ้านก่อนเผาไม่ได้ เหตุติดปัญหาต้องกำหนดปริมาณ 150 ไมโครกรัม โอดปล่อยให้ไปถึงจุดนั้นประเทศไทยมืดดำกันพอดี ยกเคสเทียบปัญหาคล้าย ‘น้ำท่วม’ เพียงแต่นำเงินมาใช้ก่อนไม่ได้
29 ม.ค.2568 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เรื่อง ติดตามปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยมีหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม และยังมีผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด ร่วมประชุมรับมอบนโยบายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อติดตามสถานการณ์หมอกควันฝุ่นละออง PM 2.5 และผลการดำเนินงานของหน่วยงานทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเพื่อลดมลพิษ โดยก่อนเริ่มการประชุมนายอนุทินได้อวยพรเนื่องในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้ ขอให้ท่านประสบความสำเร็จ มีแต่ความเจริญก้าวหน้า สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง
นายอนุทิน กล่าวระหว่างการประชุมว่า นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงต่อสถานการณ์นี้เป็นอย่างมาก ได้ติดต่อติดตามประสานงาน เรียกประชุมหารือกับตนตลอดเวลา ในช่วงที่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งได้ยืนยันไปว่าทุกคนมีความพร้อมรับมือป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ขอให้เชิญและแต่งตั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาของกองบัญชาการอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ โดยให้นายจิรายุทำหน้าที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆให้ประชาชนตระหนักรู้ จะได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ประชุมติดตามสถานการณ์ ซึ่งพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เป็นพื้นที่ Hotspot มากที่สุด มีการเผาในที่โล่งแจ้ง เผาวัชพืช ผลผลิตทางการเกษตรมากที่สุด ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศพื้นที่ห้ามเผาเป็นที่เรียบร้อยและได้มีการสั่งการยกระดับดำเนินการทุกมาตรการอย่างเข้มข้น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้ระบบบริหารจัดการแบบ Single Command ในการบรรเทาสาธารณภัยแก้ปัญหา โดยนอกจากอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วยังใช้อำนาจตามพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภัยแห่งชาติเพื่อการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานเป็นตัวแทนรัฐบาล ทำงานร่วมกันไม่ใช่กระทรวงมหาดไทยสั่งการ จึงขอให้ร่วมมือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเสียหายน้อยที่สุด
นายอนุทิน กล่าวว่า มูลเหตุมาจากการเผา หากทำให้ประชาชนไม่เผาได้ มลพิษก็จะเกิดขึ้นน้อยมาก จึงไม่ต้องกังวลว่าเพื่อนบ้านจะทำอย่างไร เราต้องจัดการในบ้านของเราให้เรียบร้อยก่อน ถ้าในบ้านเราเรียบร้อยแล้วแล้วยังมีเหตุ มาจากเพื่อนบ้าน ก็จะมีความกดดันมายังรัฐบาลรัฐบาลก็จะต้องเร่งไปเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ในการแซงชั่น ไม่อุดหนุนสินค้าทางการเกษตร หากมาจากการเผาวัชพืชเหล่านี้ และก่อให้เกิดมลพิษข้ามมายังประเทศเรา สิ่งสำคัญคือเราต้องดำเนินการแก้ไขในบ้านของเราให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะวันนี้โอกาสสร้างเศรษฐกิจตอนนี้เปลี่ยนไปชาวบ้านเปลี่ยน จากการผลิตพืชผลทางการเกษตรระยะยาวมา มาเป็ยพิชระยะสั้นเพราะปลูกมะม่วง มังคุดทุเรียน ปลูกส้มเพราะช้า 3 ปีไม่ได้อะไรเลย ตลาดโลกใหญ่ขึ้นมีผลิตภัณฑ์แปรรูป จะขึ้นหมุนเวียนมากมายมันสำปะหลังอ้อยข้าวโพด ของพวกนี้ปลูกได้ทั้งปี หมุนแล้วหมุนอีก ถึงทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป เขาคิดว่าสามารถปลูกพืชหมุนเวียนเหล่านี้ได้หลายรอบมากที่สุด และต้องเร่งก่อให้เกิดการปลูกครั้งใหม่ให้เร็วที่สุด จึงต้องเผา
นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกหลังคาเรือนปลูกพืชผลทางการเกษตรเช่นนี้ ซากที่เกิดขึ้นเช่นซังข้าวโพด ในหนึ่งตำบลมีอยู่ประมาณ 100 กอง กองละ 700,000 กิโลกรัม ถ้าไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง คิดว่าคงอะลุ่มอล่วยได้ ที่อำเภอแม่แจ่มอำเภอเดียวอาจทำให้ หมอกควันปกคลุมทั้งประเทศไม่ใช่แค่เชียงใหม่อย่างเดียวทำให้เกิดความเสียหายมหาศาล ซึ่งต้องดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด หาทางเลือก เช่นที่เชียงใหม่ที่ทำคือให้มีการฝังกลบ หรือแปรสภาพ เศษซังข้าวโพด ซึ่งรัฐต้องสนับสนุน เครื่องจักรเข้าไป หรือนำไปเป็นเชื้อเพลิงไบโอเพาเวอร์ เอาไปเป็นไอน้ำความร้อนฝ่ายผลิตไฟฟ้า เอาไปแปรสภาพเป็นอาหารสัตว์ หรือทำปุ๋ยชีวภาพ แต่ภาครัฐต้องช่วย
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เราเจอภัยพิบัติมาโดยตลอด ต้นปีภาคเหนือไตรมาส 3 ภาคกลางไตรมาส 4 ภาคใต้ เราใช้เงินเกือบ 20,000 ล้านบาท เป็นค่าชดเชยทดแทนความเดือดร้อน หลังคาเรือนละ 9,000 บาท เหตุการณ์ลักษณะนี้ก็ใกล้เคียงกัน น้ำลดหรือเพิ่มเกิน 3 วันชาวบ้านได้เงิน แต่กรณีหมอกควันยังไม่เกิด เราจะเอาเงินไปให้ชาวบ้านก่อนไม่ได้ มันต้องเกิดการเผาเกิดมลพิษควันดำก่อน กว่าจะเอาเงินออกมาได้ความเสียหาย ค่ามลพิษต้องเกิน 150 ไมโครกรัม หากไปถึงจุดนั้นประเทศไทยมืดมิดไปทั้งประเทศ ถึงจะนำเงินไปใช้ได้ ดังนั้นธรรมชาติไม่เหมือนกันมีเงินแต่การใช้ไม่เหมือนกัน จึงขอข้อแนะนำช่วยกันคิดการสนับสนุนของแต่ละจังหวัด ในการผลักดันให้มีงบช่วยเหลือ ชาวบ้านก่อนเพื่อที่จะให้หยุดเผา เป็นจุดที่ต้องวางมาตรการ มันดูเหมือนภัยพิบัติแต่การช่วยเหลือแตกต่างกัน ในส่วนนี้ขอความร่วมมือทุกฝ่ายความมั่นคงทหารตำรวจภาครัฐเกษตรทรัพยากร และหน่วยงานเทคโนโลยีให้ช่วยกัน ส่วนที่บังคับใช้กฎหมายก็ต้องทำอย่างเต็มที่ ไม่ให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเดือดร้อน
ข่าว
30 ม.ค. 2568 17:01 89 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 16:56 95 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 16:06 110 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 16:03 90 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 15:17 335 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 14:21 118 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 14:18 132 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 14:13 220 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:49 273 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:43 181 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:16 84 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:12 179 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:07 175 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 11:01 161 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 09:53 200 views
ข่าว
30 ม.ค. 2568 09:47 191 views