ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนจะเนรเทศผู้อพยพที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์จำนวนนับล้านคน ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกของเขาหลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ ที่รัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนทางใต้ของประเทศก่อน

“การเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายทั้งหมดจะถูกระงับทันที และเราจะเริ่มกระบวนการส่งอาชญากรต่างด้าวหลายล้านคนกลับไปยังประเทศที่พวกเขาจากมา” ประธานาธิบดีสังกัดพรรครีพับลิกันกล่าว

ทรัมป์ต้องการลงนามในกฤษฎีกาชุดหนึ่งเพื่อดำเนินนโยบายที่เข้มงวดต่อผู้อพยพตามที่เขาเคยประกาศไว้ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เป้าหมายของเขาคือ การลดจำนวนผู้อพยพที่ปราศจากเอกสารรับรองในสหรัฐอเมริกาประมาณสิบเอ็ดล้านคนลง แผนการเนรเทศของทรัมป์อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้คนราว 20 ล้านครอบครัว

ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ยังประกาศด้วยว่า เขาจะ “ส่งทหารไปยังชายแดนทางใต้” เพื่อ “ผลักดันการรุกรานประเทศของเราไปสู่หายนะ”

ทรัมป์ต้องการยุติประเพณีการเป็นพลเมืองสหรัฐฯ ตั้งแต่เกิดที่มีมายาวนานนับศตวรรษในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสิทธิดังกล่าวสถิตอยู่ในรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ทรัมป์ต้องการนำเสนอเรื่องนี้ ตามที่ แอนนา เคลลี-รองโฆษกหญิงของเขากล่าว รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ จะไม่รับรองการเป็นพลเมืองโดยอัตโนมัติสำหรับเด็กของผู้อพยพที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนสันนิษฐานว่าประเด็นนี้อาจกลายเป็นเรื่องท้าทายทางกฎหมาย

“เราจะยุติสิทธิในการลี้ภัย …ซึ่งจะส่งผลให้มีการดำเนินการเนรเทศทันทีโดยไม่มีความเป็นไปได้อื่น” เคลลีกล่าว นโยบาย “ให้อยู่ในเม็กซิโก” จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง รวมถึงการสร้างกำแพงบริเวณชายแดน

เพื่อรักษาความปลอดภัยชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก รองโฆษกหญิงของทรัมป์กล่าวว่า กองทัพสหรัฐฯ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรักษาชายแดน กฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องจะสั่งให้กองทัพ “จัดลำดับความสำคัญของเขตแดนและบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา” กองทัพจะยับยั้งการอพยพข้ามพรมแดนที่ผิดกฎหมายครั้งใหญ่.