นายกฯเรียก “บิ๊กต่าย”- อธิบดีดีเอสไอ ถกด่วน สางคดี“ดิไอคอนฯ-หมอบุญ” ผบ.ตร.มั่นใจได้ตัว “หมอบุญ” กลับมาดำเนินคดี ส่วนอธิบดีดีเอสไอ เผยนายกฯ กำชับเรื่องคดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ยันคดี ดิ ไอคอนฯ ไร้กังวล ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาแล้ว ย้ำเหยื่อถอนแจ้งความไม่มีผลต่อคดีอาญา ด้านโฆษกดีเอสไอ แจงผู้ขอถอนแจ้งความ ต้องให้การถึงสาเหตุที่ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว

วานนี้ 25 ธันวาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีต่างๆ โดยเฉพาะคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น คดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด และคดี นพ.บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ อายุ 86 ปี พร้อมพวก รวม 9 คน ในคดีฉ้อโกง สมคบกันฟอกเงิน และ พ.ร.บ.เช็ค หลังจากเปิดโครงการทิพย์ ลวงเหยื่อกระเป๋าหนักกว่า 247 คน ร่วมลงทุน 5 โครงการ จนสูญเงินรวมกว่า 7.6 พันล้านบาท โดยภายหลังการเข้าพบนายกฯ ทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า นายกฯ ให้ความสนใจคดีบริษัท ดิ ไอคอนฯ ที่ดีเอสไอ ส่งสำนวนคดีสั่งฟ้องผู้ต้องหา ให้อัยการไปแล้ว ส่วนคดีหมอบุญ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ดีเอสไอ ดำเนินการ โดยอธิบดีดีเอสไอ อนุมัติเป็นคดีพิเศษแล้ว จากนี้จะเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย และข้อบังคับว่าดีเอสไอ จะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ช่วยดำเนินการในเรื่องใด

ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า นายกฯ ได้สอบถามถึงความคืบหน้าการติดตามตัวหมอบุญ มาดำเนินคดี ซึ่งตนรายงานว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามอย่างใกล้ชิด โดยนายกฯ ยังสอบถามเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมออนไลน์ จึงพา พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) เข้าให้ข้อมูล เพราะถือว่าเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีหมอบุญ ได้มีการประสานไปยังตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล และออกหมายแดง เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับประสานกับประเทศปลายทางอย่างต่อเนื่อง ส่วนปีหน้าจะมีข่าวดีหรือไม่ ก็มั่นใจว่าจะได้ตัว แต่หากบอกว่าจะได้ปีนี้หรือปีหน้า ก็จะเป็นการกำหนดเวลาเกินไป แต่มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในการติดตามตัว โดยประเทศปลายทางมีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญา ขณะนี้เรื่องอยู่ที่ดีเอสไอ แล้ว ซึ่งอธิบดีดีเอสไอ ต้องการให้ตำรวจร่วมสอบสวน ก็ไม่ขัดข้อง เพียงแต่ต้องดูเรื่องอำนาจตามกฎหมายและข้อบังคับ ไม่เช่นนั้นการสอบสวนอาจมีปัญหาได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงการตรวจสอบเส้นเงิน ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ได้สืบสวนไปเยอะมาก และส่งให้ดีเอสไอ แล้ว ไม่ว่าจะเอามาจากผู้เสียหาย เข้าไปยังบริษัท หรือตัวบุคคลที่สาม ซึ่งมีข้อมูลให้ดีเอสไอ ทั้งหมด

ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า นายกฯ มีความเป็นห่วงได้สอบถามเรื่องคดีด้านเศรษฐกิจ ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ระบบเศรษฐกิจ ทั้งคดีบริษัท ดิ ไอคอนฯ ที่เพิ่งส่งสำนวนคดีให้อัยการ และมีระยะเวลาให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ พิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ อีกกว่า 10 วัน นอกจากนี้ได้รายงานคดีหุ้นสตาร์ค คดี EA และคดีหมอบุญ ที่มีการประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่อาจต้องอาศัยอำนาจนายกฯ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสอบสวน

เมื่อถามว่าคดีหมอบุญ เข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า เท่าที่ฟังการสรุปและข้อเท็จจริงจาก รอง ผบช.น.และ ผบก.น.1 ถือว่าเข้าองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน อยู่ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ ส่วนรายละเอียดคดี ทั้งมูลค่าความเสียหาย ก็อยู่ในหลักเกณฑ์ที่สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้

ต่อข้อถามถึงคดีบริษัท ดิ ไอคอนฯ ว่าอัยการมีการซักถามกลับมาหรือมีข้อสงสัยเรื่องสำนวนคดีอีกหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า มีนิดหน่อย โดยให้ปรับการทำบัญชีผู้เสียหาย เพื่อให้เกิดความชัดเจน สำหรับกรณีที่ทนายของนายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือบอสพอล ออกมาระบุว่าได้ทำเรื่องรายละเอียดขอไปยังดีเอสไอ เกี่ยวกับผู้เสียหาย แต่ทางดีเอสไอ ไม่ได้ส่งให้ จึงไม่มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมในการสู้คดี พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า มีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้เสียหายทั้งหมด โดยนำประเด็นฝ่ายผู้ต้องหามาพิจารณาทั้งหมด ก่อนที่จะมีความเห็นทางคดี

เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าเราไม่มีความจำเป็นจะต้องส่งรายละเอียดให้กับทนายของบอสพอล ใช่หรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า มีการร้องขอรายชื่อผู้เสียหาย ซึ่งมีข้อมูลอยู่ว่าเขาเคยมีคลิปในลักษณะคล้ายข่มขู่ ว่าหากมาแล้วดำเนินคดีจึงจำเป็นต้องป้องกันสิทธิ์ของผู้เสียหาย ไม่สามารถส่งชื่อไปให้ได้ ต้องคำนึงถึงสิทธิของบุคคลที่เราจะเปิดเผยข้อมูล ส่วนที่มีผู้เสียหายบางรายถอนแจ้งความ จะมีผลกระทบต่อสำนวนที่ส่งให้อัยการหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ความผิดนี้เป็นอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้ เมื่อเป็นคดีอาญา สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องก็ไม่ถือเป็นการระงับไป อัยการสามารถพิจารณาได้

เมื่อถามถึงการคืนทรัพย์สินจะถูกตัดไปด้วยหรือไม่หากถอนแจ้งความ พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า หากเป็นผู้เสียหายจริงๆ จะมีผลตอนที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ยึดทรัพย์ได้ แล้วมีการเฉลี่ยทรัพย์คืน เขาก็จะมีสิทธิ์ได้รับตรงนั้น คดีแชร์ลูกโซ่ แม้ว่าบางคนบางกลุ่มไม่ได้รับความเสียหายบางครั้งก็อาจจะได้กำไร ส่วนการดำเนินคดีกับแม่ข่ายจะเป็นเมื่อใดนั้น พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน ขอให้ล็อตแรกผ่านพ้นไปก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า นายกฯ เร่งรัดในเรื่องการทำความผิด สินค้าพืชผลทางการเกษตรทั้งคดีหมูเถื่อนและยางพารา นอกจากนี้ยังสอบถามเกี่ยวกับคดีที่มีการกระทำผิดผ่านทางออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วย

ด้านความคืบหน้ากรณีที่กลุ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ส่วนหนึ่งได้ เข้าพบอัยการสูงสุด เพื่อแสดงความประสงค์ขอถอนแจ้งความ พร้อมกับขอให้อัยการสูงสุด สั่งให้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) บันทึกสอบปากคำพยานทุกฝ่ายที่เคยให้การไว้ใหม่ ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสั่งคดีของอัยการ ผู้รับผิดชอบคดี เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่า พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับคดีอาญา มี 2 ประเภท คือ ส่วนที่ 1.คดีอาญาที่ยอมความได้ หรือคดีความผิดต่อส่วนตัว เช่น คดียักยอก ฉ้อโกงธรรมดา เป็นต้น ซึ่งถ้าหากผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ คดีอาญาจะระงับ

ส่วนที่ 2.คดีอาญาที่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน หรือคดีที่ยอมความไม่ได้ คดีประเภทนี้ถึงแม้ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์ ก็ไม่มีผลให้คดีอาญาระงับลง เช่น คดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น ฆ่า แชร์ลูกโซ่ เป็นต้น ดังนั้นการพิจารณาต่างๆ เมื่อดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนคดีไปยังอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเรื่องผลของรูปคดี จะไม่ได้ทำให้คดีอาญา ระงับลง

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีบุคคลที่เคยแจ้งความไว้ แล้วภายหลังได้ขอกลับคำ ขอถอนการแจ้งความ นั้น การที่บุคคลใดไปให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวน คือการให้คำต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมาย และกฎหมายระบุว่าคือการให้คำให้การโดยสมัครใจ ดังนั้นการจะเปลี่ยนคำให้การ หรือเปลี่ยนสาระสำคัญของคำให้การ ผู้ร้องทุกข์จะต้องอธิบายความเช่นเดียวกัน ว่าเกิดจากสาเหตุใด ทำไมจึงประสงค์ขอถอนแจ้งความ ซึ่งต้องอธิบายกับอัยการด้วย เนื่องจากกฎหมายระบุไว้ในคำให้การอยู่แล้ว ว่า “การให้คำให้การที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงมีโทษทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172”

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า ความเสียหายกับความผิดทางอาญา มันแยกกัน หมายความว่าหากคุณเป็นผู้เสียหายแล้ว คุณไม่ประสงค์จะรับการชดใช้ความเสียหาย กฎหมายก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ไม่ประสงค์ดำเนินคดีก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงที่คุณให้ไว้ต้องเป็นหลักฐานในคดีอยู่ดี ทั้งนี้ หากยังยืนยันความประสงค์ขอถอนแจ้งความต่ออัยการ ดังนั้นในการยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย เพื่อรับการชดใช้เฉลี่ยทรัพย์สินคืนก็จะถูกตัดไปด้วย เพราะคุณไม่ประสงค์รับความเสียหาย

“กรณีที่กลุ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้าบริษัท ดิ ไอคอนฯ ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอถอนแจ้งความนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีผลในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย และ 1 นิติบุคคล เนื่องจากเป็นคดีอาญาแผ่นดิน มีผลกระทบต่อส่วนรวม ไม่ใช่คดีอาญาส่วนบุคคล ซึ่งหากถอนแจ้งความแล้วจะไม่สามารถดำเนินคดีต่อได้” พ.ต.ต.วรณัน กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนคดีดังกล่าวให้กับอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอัยการ ว่าจะมีคำสั่งทางคดีว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหา ภายในระยะเวลาฝากขังระหว่างวันที่ 8-9 มกราคม 2568