ต่างชาติแห่หวดกอล์ฟเมืองท่องเที่ยว จีน เปย์หนักยกก๊วนตีสนามหรู ‘อีอีซี’ แน่นถึงก.พ.68

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม นายกุลธร มีสมมนต์ นายกสมาคมผู้บริหารสนามกอล์ฟภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ผลจากภาคการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ทำให้ปี 2567 ธุรกิจสนามกอล์ฟภาคตะวันออกฟื้นตัวทั้งด้านราคาและจำนวนผู้มาเล่นสูงกว่าก่อนปีโควิดและเทียบเท่าก่อนปีโควิดแล้ว โดยมีผู้มาเล่นถึง 1 ล้านรอบ แบ่งเป็นตลาดต่างชาติ 5 แสนรอบ มีเกาหลี 30% ญี่ปุ่น30% ยุโรป 30% เป็นหลัก และตลาดในประเทศ 5 แสนรอบ โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่นที่มีนักกอล์ฟเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ล่าสุดมีนักกอล์ฟจากต่างชาติจองคิวตียาวถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 กว่า 3 แสนรอบ โดยมี 3 ประเทศที่เป็นตัวไดร์ฟตลาด ได้แก่ เกาหลี ยุโรป ญี่ปุ่น และเอเซีย

“ตอนนี้นักกอล์ฟจีนน่าสนใจมาก เพราะเริ่มกลับมาแล้ว ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไฮเอนด์ มาเที่ยวด้วยตัวเอง(เอฟไอที) จัดกรุ๊ปตี 15-20 คน และเลือกใช้บริการสนามระดับ 5-6 ดาวในเมืองท่องเที่ยว เช่น ภาคระวันออก ภูเก็ต หัวหิน เชียงใหม่ จะอยู่ 3-4 วัน มียอดค่าใช้จ่าย 7,000-8,000 บาทต่อคนต่อวัน ไม่รวมค่ากินและค่าพักโรงแรม ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยสามารถพัฒนาเทียบนักกอล์ฟเกาหลี ซึ่งเกาหลีขณะนี้เริ่มแผ่วลงหลังประเทศเกาหลีมีการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งช่วงนั้นมียกเลิกการตีไป 30% ตอนนี้เริ่มกลับมาแล้ว 15-20% คาดว่าเร็วๆนี้จะเข้าสู่ปกติ”นายกุลธรกล่าว

นายกุลธรกล่าวว่า ปัจจุบันสนามกอล์ฟภาคตะวันออกมีการรีโนเวตกันจำนวนมากเพื่อรองรับดีมานด์ของตลาด โดยเฉพาะนักกอล์ฟจีนที่เข้ามามากขึ้น หลังมีการลงทุนกระจายไปยังภาคตะวันออกมากขึ้น เช่น โรงงานรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี เป็นต้น และแนวโน้มปีหน้าน่าจะมีความคึกคักมากกว่าปีนี้

“ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน มีผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก เพราะเราจ่ายค่าแรงแคดดี้ 400 บาทอยู่แล้ว ยังไม่รวมทิปจากนักกอล์ฟอีก 400 บาท รวมเป็น 800 บาทต่อวัน บางคนอาจได้มากถึง 1,000 บาทก็มี ทั้งนี้มีข้อเสนอต่อภาครัฐ ให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตกีฬากอล์ฟ เพราะการตีกอล์ฟไม่ถือว่าเป็นกีฬา ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟื่อย รวมถึงขอให้จัดงบประมาณส่งเสริมให้สมาคมต่างๆสามารถจัดกิจกรรมต่างๆได้มากขึ้น”นายกุลธรกล่าว

นายเฉลิมพล ชูชาติ นายกสมาคมกอล์ฟรีสอร์ทภาคเหนือ กล่าวว่า ปัจจุบันยอดใช้บริการสนามกอล์ฟภาคเหนือปรับตัวสูงขึ้นเทียบกับช่วงโควิด โดยปี 2567 มากกว่า 50,000 รอบ มีทั้งนักกอล์ฟต่างชาติ เช่น เกาหลี จีน และคนไทยที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือ ส่วนภาคอื่นๆนั้นยังไม่เข้ามาใช้บริการ คาดว่าเป็นผลจากที่ค่าโดยสารเครื่องบินยังแพง ทั้งนี้อยากให้ภาครัฐเร่งแก้ไข รวมถึงจัดงบประมาณส่งเสริมการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับกอล์ฟมากขึ้นในช่วงเป็นโลว์ซีซั่น