ตำรวจไซเบอร์บุกค้นบ้านเช่าแก๊งจีน ปากเกร็ด ซื้อข้อมูลคนไทยเปิดร้านค้าออนไลน์ หลอกขายของ-ฟันกำไรหลักแสน! พบมินิพีซีกว่าร้อยเครื่อง-แอร์การ์ดเพียบ!  เร่งสอบสวนเอาผิด ฐานละเมิด พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 (บก.สอท.4)  ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นำหมายศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นบ้านเช่าหลังหนึ่งในพื้นที่ตำบลอ้อมเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี  หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มคนจีนเช่าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อดำเนินกิจกรรมที่น่าสงสัย

จากการตรวจค้น พบชายชาวจีน 1 ราย  ซึ่งรับว่าเป็นผู้ดูแลบ้าน  พร้อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก  ประกอบด้วย มินิพีซี 120 เครื่อง,  USB Hub 80 อัน,  แอร์การ์ดพร้อมซิมโทรศัพท์ 369 อัน,  โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง และจอคอมพิวเตอร์ 1 จอ  โดยชายชาวจีนอ้างว่า อุปกรณ์ทั้งหมดใช้สำหรับเปิดร้านค้าออนไลน์  โดย 1 มินิพีซี เท่ากับ 1 ร้านค้า  และใช้แอร์การ์ดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเพิ่มยอดไลค์  ซึ่งบางเครื่องมีแอร์การ์ดมากถึง 3 ตัว  เพื่อป้องกันปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร  โดยมีนายทุนชาวจีนคอยควบคุมสั่งการจากประเทศจีนอีกที  พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย  และได้รับวีซ่า DTV  ซึ่งเป็นวีซ่าสำหรับคนทำงานประเภทดิจิทัลต่างประเทศในประเทศไทยอย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนสอบสวน  พบว่ากลุ่มคนจีนดังกล่าวได้ ซื้อข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทย ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กกลุ่มหางาน  โดยเสนอให้ค่าตอบแทนรายละ 900 - 1,000 บาท  เพื่อนำมา สมัครเปิดร้านค้าออนไลน์ บนแพลตฟอร์ม Etsy และ Amazon  เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดให้คนจีน 1 รายชื่อ สามารถเปิดร้านค้าได้เพียง 1 ร้านค้าเท่านั้น  จากนั้นจะนำร้านค้าที่เปิดด้วยข้อมูลคนไทยไปขายต่อให้กับคนจีนรายอื่นในราคา 40,000 หยวน หรือประมาณ 200,000 บาท  แล้ว หลอกลวงลูกค้า ด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือในช่วงแรก  ก่อนจะเชิดเงินหลบหนี  สร้างความเสียหายให้กับผู้บริโภคจำนวนมาก  โดยเฉพาะชาวจีนและชาวอเมริกันที่นิยมซื้อสินค้าแฮนด์เมดผ่านแพลตฟอร์ม Etsy

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบ  เนื่องจากแอร์การ์ดที่พบเป็น เครื่องวิทยุคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาต และ ไม่ได้รับการตรวจรับรองมาตรฐาน  ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498  รวมถึงการ ละเมิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ด้วย  โดยจะได้สืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย!  การนำข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองไปให้ผู้อื่นใช้  อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย  เช่น  การก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย  และตนเองก็อาจต้องตกเป็นผู้ต้องหาด้วย  ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ  อย่าเห็นแก่เงินเล็กน้อย  จนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ