รัฐบาลเคาะมาตรการรับมือไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 นายกฯ สั่งลุยจริงจัง แก้ปัญหาต่อเนื่อง

วันที่ 29 พ.ย. 67 - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567  ณ จังหวัดเชียงใหม่  ว่า ที่ประชุม ครม.  มีมติเห็นชอบมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5  ประจำปี 2568  พร้อมกลไกการบริหารจัดการ  โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง  เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ  และสิ่งแวดล้อมของประชาชน

มาตรการนี้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย 3 ด้าน  ได้แก่ พื้นที่ป่า  พื้นที่เกษตร  และพื้นที่เมือง  โดยในพื้นที่ป่า  จะควบคุมพื้นที่เผาไหม้ในเขตป่า 17 จังหวัดภาคเหนือ  จังหวัดกาญจนบุรี  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  โดยตั้งเป้าลดพื้นที่เผาไหม้ลงร้อยละ 25   ส่วนพื้นที่เกษตร  จะควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตร  เช่น  ข้าว  ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  และอ้อยโรงงาน  โดยเฉพาะใน 17 จังหวัดภาคเหนือ  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  โดยตั้งเป้าลดพื้นที่เผาไหม้ลงร้อยละ 30  และ  20  ตามลำดับ  สำหรับพื้นที่เมือง  จะควบคุมการปล่อยฝุ่นละอองจากยานพาหนะ  และโรงงานอุตสาหกรรม  ในเขตเมือง  ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย  และกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

การปฏิบัติการตามมาตรการ  จะเริ่มตั้งแต่ระยะเตรียมการ  เช่น  จัดทำแผนที่เสี่ยงเผา  และแผนปฏิบัติการจัดการไฟป่า  จัดทำฐานข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อการเผา  รวมถึงการจัดการไฟในป่า  เช่น  ประกาศจำกัดการเข้าพื้นที่ป่าอนุรักษ์  และป่าสงวนแห่งชาติ  จัดตั้งจุดตรวจ  จุดเฝ้าระวัง  ป้องกันการเผาป่า  ควบคุมฝุ่นละอองในเขตเมือง  เช่น  ห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าเขตเมืองในช่วงวิกฤตฝุ่น  PM2.5  ตรวจจับรถควันดำ  ควบคุมพื้นที่ก่อสร้าง  และจัดการหมอกควันข้ามแดน  เช่น  สนับสนุนประเทศเพื่อนบ้านจัดตั้งศูนย์ข้อมูล  ศูนย์แจ้งเตือน  และศูนย์บัญชาการเฝ้าระวัง  ควบคุม  และดับไฟป่า

นอกจากนี้  รัฐบาลยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ  โดยมีรองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  เป็นประธาน  เพื่อเสนอแนะนโยบาย  และมาตรการ  ในการป้องกัน  และแก้ไขปัญหาไฟป่า  หมอกควัน  และฝุ่นละออง  โดยนายกรัฐมนตรี  เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ดำเนินงานตามมาตรการที่  ครม.  เห็นชอบ  อย่างจริงจัง  และต่อเนื่อง  เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาไฟป่า  หมอกควัน  และฝุ่นละออง  PM2.5  ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ  และเศรษฐกิจของประเทศ