สวนดุสิตโพลเผยบทเรียนคนไทยจากการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ 2024 พร้อมชี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "บทเรียนที่คนไทยได้จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024" โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 1,118 คน ระหว่างวันที่ 6-8 พฤศจิกายน 2567 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.13 มีท่าที "เฉยๆ" ต่อผลการเลือกตั้งที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง

บทเรียนสำคัญที่คนไทยได้จากการเลือกตั้งครั้งนี้ 
- เรียนรู้กระบวนการประชาธิปไตย และการมีส่วนร่วมทางการเมือง (ร้อยละ 59.17)
- เห็นบทบาทและอิทธิพลของสื่อ ในการขับเคลื่อนกระแสสังคมและการเลือกตั้ง (ร้อยละ 56.12)
- ตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายต่างประเทศ ที่ส่งผลต่อโลกและภูมิภาค (ร้อยละ 52.88)

ผลกระทบต่อผู้ผลิตและผู้ประกอบการไทยนั้น  การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เป็นประเด็นที่คนไทยกังวลมากที่สุด โดยร้อยละ 62.82 ระบุว่าอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยใน 2 ประเด็นหลักคือ 

- ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศด้วยการกำหนดมาตรการภาษีการค้านำเข้าสินค้าต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าหลักของไทยไปยังสหรัฐฯ
-การกีดกันสินค้าจีนของสหรัฐฯ อาจทำให้ไทยกลายเป็นตลาดระบายสินค้าจีน ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่ต้องแข่งขันกับสินค้าราคาถูกจากจีน

ด้าน น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับคนไทย เช่น การยอมรับผลการเลือกตั้ง ความโปร่งใสของกระบวนการ และบทบาทของสื่อในการสร้างความตื่นตัวทางการเมือง

รองศาสตราจารย์ ดร.รุ่งภพ คงฤทธิ์ระจัน รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เสริมว่า ท่าทีเป็นกลางของคนไทยสะท้อนว่าบทบาทของสหรัฐฯ ต่อไทยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาอาจไม่เด่นชัด แต่หากนโยบายการค้าของทรัมป์เปลี่ยนไป ไทยอาจเผชิญกับผลกระทบที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ

การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนมิติการเมืองในสหรัฐฯ แต่ยังชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต