วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2567
1 พ.ย. 2567 09:55 | 120 view
@pracha
จับ 6 ตร.อุ้มรีดต่างชาติ ปลอมหมายค้นคดีพาสปอร์ตเก๊ เรียก 300 ล้าน พ.ต.ท. หัวหน้าจนมุม เผย ผู้เสียหาย สูญไปรวมแล้วกว่า 5.7 ล้านบาท
วานนี้ 31 ตุลาคม พ.ต.ต.ชัยรัตน์ ธรรมสีเทา สว.(สอบสวน)สน.บางซื่อ ปฏิบัติราชการ สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุผู้เสียหายคือ นายไซ หรือ MR.SAI ผู้เสียหาย สัญชาติวานูอาตู
ด้วยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่ผู้เสียหายคือนายไซ หรือ MR.SAI ผู้เสียหาย สัญชาติวานูอาตู พักอาศัยอยู่บ้านในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกับภรรยา และมีเพื่อนชาวจีนผู้คอยขับรถ ชื่อนายเหวิน และเพื่อนชาวจีน 1 คน ไม่ทราบชื่อพร้อมกับแม่บ้าน ชาวเมียนมา 1 คน ไม่ทราบชื่อ รวมเป็น 5 คน อยู่ในบ้านเลขที่ดังกล่าว โดยมี กลุ่มผู้ต้องหา แจ้งว่าเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แสดงเอกสารอ้างว่าเป็นหมายการเข้าค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ผู้เสียหายและบุคคลภายในบ้านไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาไทย เห็นแต่เอกสารดังกล่าวมีตราครุฑ จึงเชื่อว่าเป็นเอกสารของราชการจริงและยินยอมให้เข้าค้นบ้านพักอาศัยหลังดังกล่าว
ผู้ต้องหาได้อ่านหมายและให้ล่ามแปลภาษา ชื่อว่า น.ส.อภัสรา (สงวนนามสกุล) ทราบชื่อภายหลัง แปลภาษาสื่อสารกับผู้เสียหาย โดยในการเข้าตรวจค้นผู้ต้องหากับพวกได้ใช้โทรศัพท์มือถือเปิดพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด โดยอ้างว่ามีผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์จำนวน 4 ราย โดย 1 ใน 4 รายนั้นได้ให้การซัดทอดว่า นายไซ หรือ MR.SAI มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทาง ซึ่งถูกจับและถูกดำเนินคดีต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ไปแล้ว
โดยนายไซ ให้การปฏิเสธว่าไม่เคยมีความเกี่ยวข้อง ในการเข้าค้นครั้งนี้ผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดมีจำนวน 8 นาย และมีล่ามแปลภาษาจีนชื่อนางสาวอภัสรา หรือ ทราย กับสามีชาวจีนของล่ามชื่อ นายหยุน ต้าเหลียง หรือ MR.YUN DALIANG รวมเป็น 10 คน
กลุ่มผู้ต้องหาได้ทำการยึดโทรศัพท์มือถือของทุกคนในบ้าน และเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง เพื่อไปตรวจสอบ ต่อมาหัวหน้าชุดจับกุมได้แจ้งกับนายไซ ว่าการจ้างแม่บ้านซึ่งเป็นชาวต่างชาติ อยู่ในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นอาจต้องถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอีกกระทง 1 ด้วย ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวเพราะไม่ทราบข้อกฎหมายของไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังทำการข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย โดยได้ให้น.ส.อภัสรา หรือ ทราย สื่อสารเรียกรับเงิน 300 ล้านบาท หรือ เงินสกุลดิจิทัล จำนวน 10 ล้าน USDT (1USDT เท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 33 บาท) เพื่อแลกกับการจบคดีและไม่ถูกดำเนินคดี
แต่นายไซ แจ้งว่าไม่มีเงินสกุลไทยมากขนาดนั้น และนายไซไม่มีความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่ชุดจับกุมกล่าวอ้าง จึงไม่ตกลงด้วย ชุดจับกุมดังกล่าวจึงควบคุมตัวนายไซ พร้อมภรรยา และเพื่อนชาวจีนชื่อเหวิน และแม่บ้าน ขึ้นรถเดินทางมาที่ศูนย์ราชการ อาคารบี
โดยระหว่างที่มาถึงได้ทำการพูดคุยเจรจากันอีกครั้ง เปลี่ยนแปลงยอดเงินเป็น 10 ล้านบาท แต่นายไซ ไม่ได้ตกลง จนเวลาประมาณ 17.00 น. จึงควบคุมตัวนายไซ และภรรยา ไปยังกก.1บก.สอท.1 ห้ามไม่ให้เพื่อนชาวจีนชื่อ เหวิน และแม่บ้าน เข้าไป มีเพียงนายไซ และภรรยาที่ถูกสอบปากคำ
ระหว่างที่สอบปากคำมีกลุ่มผู้ต้องหาอยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมด พร้อมกับน.ส.อภัสรา และนายหยุน ต้าเหลียง โดยได้มีการพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่เพื่อต่อรองเรียกเงินกับนายไซ จนท้ายที่สุดนายไซได้ยอมโอนเงิน 5 ล้านบาท แต่นายไซ ไม่มีเงินสกุลไทยเพียงพอ จึงโอนเงินสกุลดิจิทัล เข้ากระเป๋าดิจิทัลวอลเล็ทของนางสาวอภัสรา ครั้งที่ 1 เวลา 18.35 น. โอนจำนวน 9,253 UDST ครั้งที่ 2 เวลา 18.43 น. จำนวน 140,000 UDST (รวมทั้ง 2 ครั้งคิดเป็นเงินไทยประมาณ 4.95 ล้านบาท) โดยกระเป๋าเงินปลายทางที่โอนไปนี้ได้อยู่ในโทรศัพท์มือถือของนางสาวอภัสรา
เมื่อได้รับเงินครบถ้วนแล้ว กลุ่มผู้ต้องหาได้จัดทำเอกสารและให้ผู้ถูกควบคุมทั้ง 4 คน มาถ่ายคลิปวีดีโอ ประกอบการทำสำนวนแจ้งว่าตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำความผิดใดๆ พร้อมทั้งคืนโทรศัพท์มือถือให้แก่ผู้ถูกควบคุมทั้ง 4 คน แต่ไม่ได้คืนคอมพิวเตอร์ให้แก่นายไซ
จากนั้นต่อมาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เวลาประมาณ 13.00 น. นางสาวอภัสรา ได้ประสานกับเพื่อนชาวจีนชื่อนายเหวินสนทนาผ่านเทเลแกรมของนายไซ ซึ่งขณะนั้นมือถืออยู่ที่นายเหวิน ว่าหากต้องการทราบว่าผู้ใดเป็นผู้แจ้งให้ชุดจับกุมไปจับตัว ให้นายไซให้ทำการ โอนเงินเพิ่มเติมอีก 700,000 บาท นายไซ จึงโอนเงินดิจิทัลเข้ากระเป๋า นางสาวอภัสรา เวลา 13.39 น. จำนวน 20,895 UDST (ประมาณ 7 แสนบาท) ภายหลังไม่ได้รับการติดต่อจากล่าม ผู้เสียหายซึ่งถูกกลุ่มผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์
จึงมอบอำนาจให้ทนายความเข้าร้องเรียนประสานกับเจ้าหน้าที่กก.1 บก.สอท.1 เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเข้าค้นและควบคุมตัวผู้เสียหาย และได้ทราบว่าบุคคลที่มีรายชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กก.1บก.สอท.1 จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดให้ได้รับโทษตามกฎหมาย ในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวน ได้สอบสวนผู้กล่าวหา และสอบสวนพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท. เพื่อจะได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลโดยเร่งด่วน
กระทั่งล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทุ่งสองห้อง ได้จับกุมผู้ต้องหา 7 ราย เป็นตำรวจ 6 นาย สังกัด บก.สอท.1 และไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 ราย ทราบชื่อคือ
พ.ต.ท.ชนะชัย ใจกล้า อายุ 41 ปี
ร.ต.อ.อำนวย คงกลิ่น อายุ 42 ปี
ด.ต.ชยพล วงษ์ปัน อายุ 43 ปี
ด.ต.พรเทพ สังขาระ อายุ 46 ปี
ด.ต.มนัสวี จรรยาลักษณ์ อายุ 41 ปี
ด.ต.สยาม ทองมนต์ อายุ 49 ปี
นายธวุท วันทองสุข อายุ 43 ปี (ไม่ใช่ตำรวจ)
เบื้องต้นแจ้งข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ , เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ ก่อนตัวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ข่าว
1 พ.ย. 2567 13:57 50 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 13:52 67 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 13:50 36 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 13:44 40 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 13:37 88 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 12:57 64 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 12:53 51 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 11:43 70 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 11:04 68 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 10:55 82 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 10:54 78 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 10:30 160 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 10:02 86 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 09:58 92 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 09:55 121 views
ข่าว
1 พ.ย. 2567 09:39 100 views