โพลล่าสุดชี้ “คามาลา แฮร์ริส” แซงหน้า “โดนัลด์ ทรัมป์” ขณะที่ชาวอเมริกันแห่เลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 18 ล้านคน

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ความร้อนแรงของสนามการเมืองทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ผลโพลล่าสุด เผยให้เห็นความเคลื่อนไหวสำคัญ เมื่อ คามาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ขึ้นนำ โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ด้วยคะแนนนิยมห่างกันเพียง 3 จุดเท่านั้น โดยแฮร์ริสมีคะแนนสนับสนุนอยู่ที่ร้อยละ 46 ขณะที่ทรัมป์ตามมาติด ๆ ที่ร้อยละ 43

อย่างไรก็ตาม แม้แฮร์ริสจะขึ้นนำ แต่ความต่างเพียงเล็กน้อยนี้ยังไม่เพียงพอที่จะการันตีชัยชนะ เนื่องจากคะแนนในรัฐสมรภูมิสำคัญ เช่น เพนซิลเวเนีย มิชิแกน และจอร์เจีย ยังคงสูสี โดยบางรัฐมีคะแนนห่างกันเพียง 1-2 จุดเท่านั้น การต่อสู้ในครั้งนี้ยังคงเปิดกว้าง และทุกอย่างยังเป็นไปได้

ขณะที่การสำรวจคะแนนโพลยังคงผันผวน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในสหรัฐฯ ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจนถึงขณะนี้มีชาวอเมริกันกว่า 18 ล้านคน ที่ได้ใช้สิทธิ์ล่วงหน้าแล้ว ทั้งผ่านการไปยังคูหาเลือกตั้งและการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความตื่นตัวทางการเมืองที่สูงขึ้น แม้ในปี 2020 จะมีจำนวนผู้ลงคะแนนล่วงหน้าทะลุ 150 ล้านคน แต่ในปีนั้นการเลือกตั้งเกิดขึ้นท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นให้ประชาชนเลือกใช้สิทธิ์ล่วงหน้าอย่างถล่มทลาย

ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ทั้งแฮร์ริสและทรัมป์ต่างพุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเชื้อสายลาติน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อผลการเลือกตั้งครั้งนี้ แฮร์ริสเตรียมให้สัมภาษณ์พิเศษกับสถานีโทรทัศน์ Telemundo ที่ออกอากาศเป็นภาษาสเปน หวังเข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวลาตินโดยตรง ขณะที่ทรัมป์ก็ไม่ยอมแพ้ โดยจัดเวทีโต๊ะกลมหารือกับผู้นำชุมชนลาตินในรัฐฟลอริดา พร้อมย้ำถึงนโยบายด้านผู้อพยพ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนแรงที่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งอย่างมีนัยสำคัญ

ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่าประเด็นที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ให้ความสำคัญที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพ โดยร้อยละ 70 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าปัญหาค่าครองชีพเป็นปัญหาใหญ่ ขณะที่ร้อยละ 60 มองว่าเศรษฐกิจกำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่ผิด ส่วนในเรื่องผู้อพยพนั้น ร้อยละ 65 เชื่อว่านโยบายในปัจจุบันไม่ตอบโจทย์

ด้วยคะแนนโพลที่ยังใกล้เคียงกันอย่างมาก และความสนใจในประเด็นปัญหาสำคัญของประเทศที่แตกต่างกัน โอกาสที่ใครจะคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่ชัดเจน แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 จะเป็นอีกหนึ่งบทสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ที่ทั่วโลกต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด