อากาศร้อนคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกเกินพัน

หลายประเทศทั่วโลก ต่างเผชิญกับคลื่นความร้อนรุนแรงในช่วงนี้ และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,000 ศพ เนื่องจากปัจจัยที่เกี่ยวกับสภาพอากาศร้อนในปีนี้ โดยในหลายภูมิภาคของเอเชีย อินเดียกำลังประสบกับอากาศร้อนจัดยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ซึ่งตามข้อมูลของอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่น พบว่า กรุงนิวเดลี เมืองหลวง อุณหภูมิเกิน 40 องศาเซลเซียส เป็นเวลาติดต่อกันนาน 38 วัน ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฮินดูสถาน รายงานอ้างถ้อยแถลงของกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 3 มิถุนายนว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 56 ศพ และเกือบ 25,000 คน สงสัยว่ามีอาการป่วยเป็นโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก ซึ่งบันทึกได้ทั่วประเทศจากเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม

ขณะที่ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบีย เผชิญกับอุณหภูมิทะลุ51.8 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ของนครเมกกะ สถานที่หลักของการประกอบพิธีฮัจญ์ประจำปี สถิติและรายงานของหลายประเทศ ชี้ให้เห็นว่า คลื่นความร้อนที่ยาวนานส่งผลให้มีผู้แสวงบุญเสียชีวิตกว่า 1,000 ศพจากประมาณ 10 ประเทศ ส่วนใหญ่มาจากอียิปต์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดีอาระเบีย ยืนยันผู้เสียชีวิต 577 ศพในช่วง 2 วันที่มีการประกอบพิธีฮัจญ์มากที่สุด คือวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่แล้ว โดยในวันเสาร์ ผู้แสวงบุญมารวมตัวกันเพื่อทำละหมาดนานหลายชั่วโมงบนภูเขาอาราฟัตท่ามกลางแสงแดดแผดจ้า ส่วนวันอาทิตย์ ผู้เข้าร่วมทำพิธีขว้างปาหินใส่ปีศาจร้ายในเขตมินา

ขณะเดียวกัน หลายประเทศในยุโรปก็เผชิญกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นด้วย ซึ่งสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มี 8 เมืองในอิตาลี ซึ่งรวมทั้งกรุงโรมและเปรูจา ประกาศเตือนสภาพอากาศร้อนจัดในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าอุณหภูมิพุ่งเกิน 40 องศาเซลเซียส ส่วนในอเมริกาเหนือ คลื่นความร้อนทำให้เกิดไฟป่าเป็นบริเวณกว้างในหลายรัฐภาคตะวันตกของสหรัฐฯ โดยเกิดไฟป่าเกือบ 20 จุดใหญ่อยู่ในขณะนี้ ตัวเลขทางสถิติเปิดเผยว่า มีประชาชนประมาณ 100 ล้านคนในสหรัฐฯ อยู่ภายใต้คำเตือนและคำแนะนำเรื่องอุณหภูมิสูงในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ด้านกระทรวงสาธารณสุขของเม็กซิโก รายงานในวันพฤหัสบดีว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 155 ศพ เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสัปดาห์เดียวมีผู้เสียชีวิต 30 ศพ และอย่างน้อย 2,500 คนล้มป่วยจากสภาพอากาศร้อน

รายงานชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันที่ 5 มิถุนายน โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ระบุว่า มีความเป็นไปได้ถึงร้อยละ 86 ที่อย่างน้อยมี 1 ปี ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ จะเป็นปีที่สภาพอากาศร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้แซงหน้าปี 2566 อุณหภูมิเฉลี่ยใกล้ผิวโลกเพิ่มขึ้น 1.3 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะนำไปสู่คลื่นความร้อนที่ถี่และรุนแรงขึ้น โดยมีระยะเวลานานขึ้น ทำให้เหตุการณ์ความร้อนรุนแรงเกิดบ่อยครั้งมากขึ้น

//////////////////