วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2567
21 มิ.ย. 2567 09:44 | 3380 view
@yaovarest
หลายคน คงสงสัยว่า วัน“วันครีษมายัน” คืออะไร TV5HD Online จะมาคลายข้อสงสัยกันค่ะว่า “วันครีษมายัน” คือวันอะไรและมีความสำคัญอย่างไร
วันที่ 21 มิ.ย. 67 เป็น “วันครีษมายัน” อ่านว่า (ครีด-สะ-มา-ยัน) หรือ Summer Solstice วันที่มีช่วงเวลากลางวันยาวที่สุดในรอบปี ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือเข้าสู่ฤดูร้อน และประเทศทางซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูหนาว
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผย วันที่ 21 มิถุนายน 2562 เป็นวัน “ครีษมายัน” เวลากลางวันยาวที่สุดในรอบปี “วันครีษมายัน” (Summer Solstice) เป็นชื่อเรียกของวันที่ดวงอาทิตย์โคจรไปถึงจุดหยุด หรือจุดสุดทางเหนือ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ของทุกปี ในแต่ละวันดวงอาทิตย์จะปรากฏในตำแหน่งต่างกัน เปลี่ยนตำแหน่งไปประมาณวันละ 1 องศา ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ดวงอาทิตย์ได้เคลื่อนที่ไปทางเหนือเรื่อย ๆ และจะหยุดที่จุดเหนือสุดในวันที่ 21 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ส่งผลให้ในวันดังกล่าว ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด จึงมีเวลากลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี หรือเป็นวันที่มืดช้าที่สุดนั่นเอง และถือเป็นวันเปลี่ยนฤดูกาลเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกเหนือ และเปลี่ยนสู่ฤดูหนาวของประเทศในซีกโลกใต้
สำหรับประเทศไทย วันดังกล่าวดวงอาทิตย์ขึ้นเวลาประมาณ 05.51 น. และจะตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 18.47 น. รวมเวลาที่ดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าประมาณ 12 ชั่วโมง 56 นาที (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร)
นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า วันที่ 21 มิถุนายนนี้ เป็นวัน “ครีษมายัน” (ครีด-สะ-มา-ยัน) (Summer Solstice) เวลากลางวันยาวที่สุดในรอบปี คำว่า “Solstice” เป็นภาษาอินโดยูโรเปียน Stice หมายถึง สถิต หรือ หยุด ดังนั้น Summer Solstice หมายถึงวันที่ดวงอาทิตย์โคจรไปถึงจุดหยุด หรือจุดสุดทางเหนือ แต่ละวันดวงอาทิตย์จะปรากฏในตำแหน่งต่างกัน เปลี่ยนตำแหน่งไปประมาณวันละ 1 องศา
นายศุภฤกษ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ในหนึ่งปี โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี โลกจึงมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ช่วงใกล้ที่สุดประมาณต้นเดือนมกราคม (147 ล้านกิโลเมตร) และช่วงไกลที่สุดประมาณต้นเดือนกรกฎาคม (ระยะห่างเฉลี่ย 152 ล้านกิโลเมตร) เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของระยะทางใกล้-ไกล ในการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมาก ไม่มีผลต่อการเกิดฤดูกาลแต่อย่างใด แต่การที่แกนหมุนของโลกเอียงทำมุม 23.5 องศากับแนวตั้งฉากกับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกจึงรับแสงอาทิตย์ได้ในปริมาณไม่เท่ากัน ส่งผลให้มีอุณภูมิต่างกัน รวมถึงมีระยะเวลากลางวันและกลางคืนที่ต่างกันด้วย เป็นเหตุให้เกิดฤดูกาลขึ้นบนโลก
“จะสังเกตได้ว่า ในฤดูร้อน เวลากลางวันจะยาวกว่ากลางคืน ดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็วและตกช้า ส่วนในฤดูหนาว เวลากลางคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นช้าและตกเร็วปรากฏการณ์ต่อไปที่เกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ คือ “วันศารทวิษุวัต” (Autumnal Equinox) ในปีนี้ ตรงกับวันที่ 22 ก.ย. 67 วันดังกล่าวดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออก และตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืน นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ” นายศุภฤกษ์ กล่าว
ข่าว
28 ก.ย. 2567 13:28 70 views
ข่าว
28 ก.ย. 2567 11:48 83 views
ข่าว
28 ก.ย. 2567 11:35 94 views
ข่าว
28 ก.ย. 2567 11:12 65 views
ข่าว
28 ก.ย. 2567 11:03 62 views
ข่าว
28 ก.ย. 2567 11:01 62 views
ข่าว
28 ก.ย. 2567 10:58 66 views
ข่าว
28 ก.ย. 2567 10:56 70 views
ข่าว
28 ก.ย. 2567 09:59 104 views
ข่าว
27 ก.ย. 2567 16:33 101 views
ข่าว
27 ก.ย. 2567 16:29 94 views
ข่าว
27 ก.ย. 2567 16:22 87 views
ข่าว
27 ก.ย. 2567 16:18 136 views
ข่าว
27 ก.ย. 2567 16:14 110 views
ข่าว
27 ก.ย. 2567 16:08 119 views
ข่าว
27 ก.ย. 2567 15:46 66 views