กกต. ยัน เดินหน้าเลือกสว.ระดับอำเภอ 9 มิ.ย.นี้ ตามไทม์ไลน์เดิม แม้ศาลรับวินิจฉัย ปม 4 กฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ ระบุ หากในอนาคตมีเหตุจำเป็นอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะใช้อำนาจที่มีอยู่แก้ไขปัญหา

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลงาน กกต. เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครบรอบ 26 ปี ณ  สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยระบุว่า ที่ผ่านมา กกต. ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างแข็งขัน เพื่อให้ภารกิจเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่สุจริตและเที่ยงธรรม // แม้ว่าสังคมจะตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดการเลือกสว.ถึงสับสนและซับซ้อน แต่ขอยืนยันว่า กกต.จะยังมีการเลือกสว.แน่นอน อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดเห็นว่าไม่เป็นธรรมก็สามารถไปยื่นเรื่องร้องเรียนได้ตามสิทธิที่มีอยู่ นอกจากนี้ ประชาชนและองค์กรอิสระยังสามารถขอเข้าไปสังเกตการณ์การเลือกสว.ได้ด้วย

ส่วนกรณีที่มีการออกบัตรเลือกสว.รูปแบบใหม่นั้น นายแสวง กล่าวว่า กกต.ได้มีการแยกประเภทบัตรเพิ่มขึ้น โดยจำแนกเป็นกลุ่มสายวิชาชีพ เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หรือ ไม่ให้มีบัตรเสียจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ก็ได้ส่งคู่มือผู้สมัครให้แต่ละคนไปศึกษารายละเอียดร่วมด้วย เพื่อให้เข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง

สำหรับกรณีการฮั้วสมัครเลือกสว.นั้น นายแสวง ยืนยันว่า เรื่องนี้ กกต.มีข้อมูลอยู่แล้ว ว่าผู้สมัครกับพรรคการเมืองสัมพันธ์กันอย่างไร แต่ไม่สามารถไปลงโทษคนจากความเห็นของสื่อเพียงด้านเดียวได้ โดยจะต้องดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนต่างๆ

พร้อมกล่าวทิ้งท้ายถึงการเลือกสว.ระดับอำเภอ ว่า กกต.จะยังเดินหน้าเลือกสว.ระดับอำเภอ ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ต่อไปตามไทม์ไลน์เดิม แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้อง กรณีขอให้วินิจฉัย ตาม มาตรา 212 ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และ มาตรา 42 ว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ ก็ตาม

“เนื่องจากเราต้องการให้ได้มาซึ่ง สว.จำนวน 200 คน ตามที่กฎหมายกำหนด โดยรักษากระบวนการการเลือกสว.ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดังเป้าหมายที่วางไว้ และ ตามเนื้อหาเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ระบุว่ายังไม่ปรากฎความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากต่อการแก้ไขเยียวยาภายหลัง โดยสาเหตุที่ศาลรับเรื่องนั้น เป็นเพราะมีเหตุจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132

กกต.จึงมองว่า เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบ พ.ร.ป.ดังกล่าวให้ส่งร่างเพื่อให้ศาลฎีกา และศาลรัฐธรรมนูญดูว่ามีประเด็นใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือปฏิบัติไม่ได้บ้าง ถือว่าได้ผ่านการตรวจสอบมาชั้นหนึ่งแล้ว ซึ่ง กกต.ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่ออกโดยรัฐสภาทุกประการ ฉะนั้นหากในอนาคตมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กกต.คงใช้อำนาจตามที่มีอยู่ในการแก้ปัญหาเหล่านี้” นายแสวง กล่าว