‘ไล่ ชิงเต๋อ’ สาบานตน เป็นปธน.คนใหม่ของไต้หวันแล้ว

ไทเป (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ไล่ ชิงเต๋อ สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน เขาประกาศกร้าวว่า จีนจะต้องยุติการคุกคามทั้งการทหารและทางการเมืองต่อไต้หวัน ยืนยัน จีนกับไต้หวันสามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อสันติภาพและความเจริญของทั้งสองฝ่าย

ไล่ ชิงเต๋อ หรือ วิลเลียม ไล่ เข้าทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันเมื่อวันที่ 20 พ.ค. หลังจากชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา รับตำแหน่งต่อจาก ไช่ อิงเหวินที่เป็นผู้นำมา 2 วาระเป็นเวลา 8 ปีแล้ว โดย ไล่ มาจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือดีพีพี เช่นเดียวกับ ไช่ จึงใช้นโยบายเกี่ยวกับจีนที่ต่อเนื่องกัน เขาประกาศในพิธีว่า ไต้หวันจะมุ่งสู่เป้าหมายเพื่อสันติภาพเท่านั้น โดยจะไม่ยอมสูญเสียประชาธิปไตยและเสรีภาพ เขายังได้เรียกร้องให้จีนยุติการคุกคามไต้หวันทั้งทางการทหารและการเมือง โดยจีนควรร่วมรับผิดชอบในการสร้างสันติภาพร่วมกับไต้หวัน และรับผิดชอบต่อทั้งโลกไม่ให้หวั่นเกรงว่าจะเกิดสงครามขึ้น

ไล่ ยังระบุว่า การที่จีนใช้กำลังทหารในการคุกคาม จึงทำให้จีนเป็นความท้าทายทางยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก แต่ไต้หวันก็ต้องให้จีนยอมรับสถานะของไต้หวันแล้วหันหน้ามาเจรจากันอย่างสันติ ขณะที่พิธีสาบานตนวานนี้ มีผู้แทนจากหลายประเทศเข้าร่วมด้วย อย่าง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น แคนาดา เยอรมนี และประเทศที่มีความสัมพันธ์ด้านการทูตกับไต้หวัน เพื่อแสดงความยินดีต่อ ไล่ และสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยของไต้หวัน

ด้านรัฐบาลจีน ซึ่งถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน ได้แสดงความไม่พอใจต่อตัวไล่ ที่มีนโยบายเช่นเดียวกับไช่ อิงเหวิน ที่พ้นจากตำแหน่งไป เนื่องจากเห็นว่าต้องการประกาศเอกราชของไต้หวัน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ไต้หวันประกาศว่า จีนมีความเคลื่อนไหวทางการทหารมากขึ้น เพื่อสร้างแรงกดดันมากขึ้นเช่น การส่งเครื่องบินรบเข้าใกล้น่านฟ้า และส่งเรือรบเฉียดน่านน้ำรอบเกาะไต้หวันต่อเนื่อง เพื่อให้ไต้หวันยอมรับว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน ในขณะที่ไต้หวันไม่ยอมรับคำกล่าวอ้างดังกล่าวของจีนอย่างสิ้นเชิง

ไล่ วัย 64 ปี กล่าวหลายครั้งเสนอเปิดการเจรจากับจีน แต่ถูกจีนเมินอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยังประกาศสงวนสิทธิ์ที่จะใช้กำลังทหารนำเอาไต้หวันมาอยู่ภายใต้การควบคุมของจีน ในขณะที่ไล่และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือดีพีพี ของเขา กล่าวว่า ชาวไต้หวันเท่านั้นที่จะสามารถตัดสินอนาคตของตนเอง ขณะเดียวกัน นโยบายต่างประเทศของ ไล่ มีแนวโน้มจะนำพาไต้หวันใกล้ชิดกับสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งน่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับจีนมากขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ ผู้นำไต้หวันคนใหม่ ยังจะต้องเผชิญความยากลำบากทางการเมืองในไต้หวันต่อไป เพราะแม้พรรคดีพีพีของเขาจะได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ต้องเป็นแกนนำรัฐบาลเสียงข้างน้อยในรัฐสภา เนื่องจากพรรคประชาชนไต้หวัน หรือทีพีพี ได้กลับมาครองเสียงข้างมากในสภา อีกทั้งยังแสดงท่าทีต้องการกลับมาผูกสัมพันธ์และทำข้อตกลงทางการค้ากับจีนแผ่นดินใหญ่

-----------------