บุกยึดฐานเหลือแค่‘กองพัน275’  นายกฯเรียก‘กต.-บิ๊กกองทัพ’   ถกด่วนรับมือสถานการณ์สู้รบ   แจงเครื่องบินลงจอดที่แม่สอด   ยันไม่ได้ขนกำลังทหาร-อาวุธ

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา เดือด! กองทัพกะเหรี่ยงยิงถล่มฐานที่มั่น“ทหารเมียนมา”อย่างหนัก ฝั่งตรงข้าม ‘แม่ฮ่องสอน’มีคนตาย-บาดเจ็บจำนวนมาก ทหารเมียนมาส่อทิ้งค่าย-ยอมจำนน ฝ่ายมั่นคงไทยเกาะติด’เมียวดี’แตก ฝ่ายต่อต้าน ยึดฐานเมียนมา เกือบหมด เหลือแค่’กองพัน275’อยู่ระหว่างเจรจา2ฝ่าย จับตาทหารพม่ายอมแพ้หรือไม่? นายกฯแจง‘เมียนมา’นำเครื่องลงจอด สนามบินแม่สอด ขออนุญาตถูกต้อง ยันไม่ได้ขนทหาร-อาวุธ ลั่นไทยให้ความสำคัญสิทธิมนุษยชน เรียกถกด่วน‘กต.-บิ๊กกองทัพ’พรุ่งนี้รับมือสู้รบในเมียนมา ย้ำหวังเกิดความสงบ

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2567 แหล่งข่าวผู้นำระดับสูง กองกำลังกะเหรี่ยงคาเรนนี KA เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์การสู้รบในรัฐคาเรนนีล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่า กองกำลังติดอาวุธของคาเรนนี ได้แก่กองกำลังป้องกันชาติคาเรนนี KNDF และ PDF กำลังสู้รบอย่างหนักกับทหารเมียนมาในเมืองแผ่โข่ง, เมืองโมเบียรอยต่อรัฐคาเรนนีกับรัฐฉาน และเมืองผาซอง ตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน โดยกองกำลังติดอาวุธคาเรนนีได้พยายามบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของทหารเมียนมาอย่างหนัก รวมถึงการใช้โดรนในการโจมตี ฝ่ายเมียนมา

โดยเฉพาะที่เมืองผาซอง ตรงข้าม อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน กองกำลัง KNDFและ PDFได้เข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารเมียนมา บริเวณหัวสะพานข้ามแม่น้ำสาละวินหรือ สะพานผาซองซึ่งเป็นค่ายทหารหลักของเมียนมา และถูกฝ่ายต่อต้านโจมตีต่อเนื่องมากว่า2เดือนแต่ยังไม่สามารถยึดได้เนื่องจากค่ายดังกล่าวตั้งอยู่ในชัยภูมิสูงและมั่นคงมาก

เมื่อเช้าวันนี้ กองกำลัง KNDFใช้โดรน 1 ลำ บินโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยลูกระเบิด ค.81 มม.จำนวน 5 นัด สร้างความสูญเสียให้ กับทหารเมียนมาอย่างหนัก โดยตั้งแต่มีการเข้าโจมตีค่ายของทหารเมียนมาดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก คาดว่าในอีกไม่นานทหารเมียนมาที่ค่ายดังกล่าวจะยอมจำนน เนื่องจากบาดเจ็บ ขาดกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก ประกอบกับถูกตัดเส้นทางส่งเสบียงบำรุงกำลังทุกด้าน

สำหรับเมืองผาซอง เป็นเมืองสำคัญที่จะมีการลำเลียงสินค้าจากชายแดนไทยส่งผ่านไปยังเมืองลอยก่อว์ เมืองหลวงของรัฐคาเรนนีซึ่งมีทหารเมียนมา 2 กองพัน ประจำการอยู่ ถึงแม้ทหารเมียนมา จะไม่สามารถสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงสินค้าได้ เนื่องจากต้องป้องกันฐานที่มั่นตนเอง จากการตรวจการณ์เห็นขบวนรถบรรทุกสินค้าที่ผ่านเข้าไปในเมืองชั้นใน ทำให้ทหารเมียนมา มีการรายงานทางวิทยุไปยังหน่วยเหนือส่งผลให้มีการส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดขบวนสินค้ารวมถึงอาหารที่จะส่งไปให้ผู้พลัดถิ่นภายใน IDPs(Internally Displaced People)คือบุคคลที่ถูกบังคับให้หนีจากบ้านตนเองไปยังพื้นที่อื่นภายในประเทศของตน แตกต่างจากผู้ลี้ภัยที่หลบหนีการทิ้งระเบิดจากทางการเมียนมาไปอาศัยอยู่ตามป่าในพื้นที่ต่างๆในรัฐคาเรนนีและอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากต่อการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ส่งผลให้คนกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เปราะบางมากที่สุดในโลก

ในส่วนพื้นที่เมืองแผ่โข่ง และเมืองโมเบีย เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างรัฐฉานกับรัฐคาเรนนีทางด้านกองกำลังคาเรนนีได้สนธิกำลังกับกลุ่มปาโอPNLAสกัดกั้นการเสริมกำลังภาคพื้น จากทหารเมียนมาในรัฐฉานที่จะเข้าสู่รัฐคาเรนนี จุดนี้มีการสู้รบอย่างหนักเช่นกัน

สำหรับการสู้รบในพื้นที่ที่ดังกล่าว ทางการเมียนมาได้ส่งเครื่องบินขับไล่มาโจมตีฝ่ายต่อต้านอย่างหนักทุกวันแต่เป้าหมายส่วนใหญ่ กลับเป็นบ้านเรือนประชาชนมากกว่าค่ายทหารทำให้ประชาชนในเมืองต่างๆได้รับผลกระทบและพากันหลบหนีออกจากเมืองมุ่งหน้าลงทางทิศใต้ มุ่งหน้ามาอาศัยอยู่ติดแนวชายแดนไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลอดภัย และทางการเมียนมาไม่กล้าทิ้งระเบิดในพื้นที่แนวชายแดน เพราะกลัวว่าระเบิดจะตกใส่ราษฎรไทยและส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงไทยเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามสถานการณ์แนวชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่อ.แม่สอด จ.ตาก กับ จ.เมียวดี ภายหลังถูกกองกำลังฝ่ายต่อต้าน KNU , BGF , DKBA และ PDF เข้ายึดพื้นที่ซึ่งในขณะนี้ใจกลาง จ.เมียวดี เหลือฐานของทหารเมียนมา 1 ฐาน คือ ‘ค่ายผาซอง’หรือ‘กองพัน 275’ ที่ห่างจากแนวชายแดนไทย ประมาณ 5 กิโลเมตร

โดยสถานการณ์ล่าสุด เมื่อเวลา13.00น.วันนี้กลุ่มต่อต้านกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับทหารเมียนมาซึ่งต้องติดตามว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร ในเงื่อนไขต่างๆรวมทั้งทหารเมียนมาจะยอมแพ้หรือไม่ สำหรับ‘กองพัน 275’ เป็นฐานที่ตั้งสำคัญ อีกทั้งเป็นฐานที่ใกล้กับชายแดนไทย อ.แม่สอด จ.ตาก มากที่สุด บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2

ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เครื่องบินโดยสาร จากเมียนมาจำนวน1ลำได้ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด จ.ตาก ก่อนบินกลับประเทศเวลา 22.00น.ของวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมาว่า ได้รับรายงานจากนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศแล้วซึ่งเป็นไปตามที่นายจักรพงษ์ได้ชี้แจงไปว่าเป็นการขนย้ายพลเรือนตามปกติ ไม่ได้มีการขนส่งทางการทหารและมีการขออนุมัติอย่างถูกต้อง ตามกระบวนการทุกอย่างไม่ได้เป็นการขนอาวุธหรือทหาร เมื่อถามย้ำกระทรวงกลาโหมไทยได้มีการประสานกันอย่างถูกต้องตามขั้นตอนแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน

นายกฯย้ำว่าส่วนการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้(9 เม.ย.) เรื่องนี้เป็นเพียง ส่วนหนึ่งส่วนเรื่องใหญ่ที่เรียกประชุม คือ เรื่องภายในเมียนมาจึงได้เชิญ นายปานปรีย์ พหิธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ พร้อมรมช.ต่างประเทศ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก รวมทั้งที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ เพื่อกำหนดทิศทางให้ไปในทิศทางเดียวกัน

สำหรับไทยและเมียนมามีชายแดนติดต่อกันยาวได้เตรียมความพร้อมรองรับหากมีประชาชนจากฝั่งเมียนมาทะลักเข้ามาในไทยจากการสู้รบหรือไม่ นายกฯยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องการบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพ ชายแดนไทยเมียนมา มีเขตติดต่อกัน ประมาณ 2,000กิโลเมตร อีกทั้ง เมียนมาก็มีประชากรเกือบ70ล้านคนเท่ากับเรา ความประสงค์ของรัฐบาลไทย มีความชัดเจนว่า อยากให้เมียนมาเกิดความสงบ เป็นหนึ่งเดียวกัน ก้าวหน้าไป และเจริญเติบโตก้าวหน้าไปตามศักยภาพที่มี อยากให้เกิดสันติภาพ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญไทยอยากให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในเมียนมา

นายกฯย้ำว่าขณะนี้ยังไม่การทะลักเข้ามาในไทย เท่าที่ได้รับรายงานก็ยังไม่มีปัญหา และยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนให้ความสำคัญกับเรื่องความสงบและความปลอดภัยของประชาชน

ด้าน นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ โพสต์ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า“เรื่องเครื่องบินเมียนมา ที่เป็นข่าวได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า เป็นเรื่องการขอนำเครื่องบินพลเรือนมาลง เพื่อขนสิ่งของพลเรือนไม่ได้มีการขนกำลังทหารหรืออาวุธ หรือการขอลี้ภัยตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด เป็นเรื่องคำขอทางการทูตเพื่อนำเครื่องบินพลเรือนมาขนย้ายสิ่งของทางการทูต ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติครับ”

////////////////////////////