วันที่ 22 กันยายน 2567
6 เม.ย. 2567 12:08 | 1140 view
@varin
“ชัยธวัช-พิธา” ลั่น ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค ไม่หวั่นชีวิตการเมืองส่อขาด ถามผู้มีอำนาจ ยุบแล้วได้อะไร ชี้อาจเป็นการติดเทอร์โบให้การเลือกตั้งครั้งหน้า ปัดตั้ง “พรรคอนาคตไกล” ไว้สำรอง เย้ย ดีเอ็นเอเพื่อไทย มองหาก “แพทองธาร” จะเป็นผู้นำที่สำเร็จต้องด้วยศักยภาพ ไม่ใช่ว่ามีพ่อแม่เป็นใคร
เมื่อเวลา 9.30 วันที่ 6 เม.ย. ที่โรงแรมเมเปิล พรรคก้าวไกลจัดประชุมสามัญประจำปี 2567 โดยก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายมองว่า การประชุมพรรคก้าวไกลในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องรอความเห็นในที่ประชุม แต่หากมีการเปลี่ยนตัวตนอยู่ตรงไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม รอดูตัวแทนสมาชิกพรรค หากจบประชุมมีมติอะไรที่สำคัญทางโฆษกน่าจะมาแถลง
ส่วนเรื่องของสถานการณ์พรรคในตอนนี้ ได้มีการทำความเข้าใจกับส.ส. รวมถึงสมาชิกพรรคหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า สถานการณ์เรื่องคดีพรรค เราได้ทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วเมื่อวานก็มีการสัมมนากันก็มีการพูดคุยกันหลายเรื่องทั้งเรื่องสถานการณ์เฉพาะหน้าแล้วก็เรื่องระบบการทำงานต่างๆภายในพรรค รวมถึงเรื่องการเตรียมเรื่องการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เมื่อถามว่า สถานการณ์ของพรรคในตอนนี้ทำให้ขวัญกำลังใจการเดินหน้าของพรรคต่อจากนี้มันไม่ชัดไม่ชัดเจนหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า จริงๆเรามีแผนงานมีเป้าหมายชัดเจน ขวัญกำลังใจไม่ได้มีปัญหา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตราบใดที่รากฐานพร้อมถึงระบบการทำงานของพรรคมีคุณภาพเราก็พร้อมเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไปเข้าร่วมรัฐบาลนั้น นายชัยธวัชระบุว่า คงไม่เกี่ยวไรกับก้าวไกล สำหรับเราในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เราทำงานกับทุกพรรคโดยให้เกียรติซึ่งกันและกัน
เมื่อถามว่าหนังสืออย่างเป็นทางการจากศาลรัฐธรรมนูญมาถึงแล้วหรือยังนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า เราได้รับหนังสือในวันที่ศาลมีมติในที่ประชุมตอนนี้ก็อยู่ระหว่างที่จะต้องทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จริงๆรายละเอียดค่อนข้างเยอะมาก ตนก็ได้คุยกับฝ่ายกฎหมาย เอกสารมีหลายร้อยหน้า ทั้งคำร้อง ข้อเท็จจริงที่ประกอบคำร้อง ต้องใช้เวลาเยอะพอสมควร มีแง่มุมเยอะที่จะต้องโต้แย้ง รวมถึงการที่จะต้องเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีการไต่สวนเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริง บุคคลพยานผู้เชี่ยวชาญต่างๆ นี่เป็นขั้นตอนโดยปกติในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลธรรมนูญสามารถ ให้ผู้ถูกร้องขยายเวลาในการยื่นเอกสารได้
เมื่อถามว่าลักษณะคำร้องเป็นแบบเดียวกับทำวินิจฉัยศาลในกรณีการล้มล้างการปกครองหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะว่าเป็นกฎหมายคนละฉบับ คนละมาตราด้วยคำร้องก่อนหน้านี้ เป็นไปตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ ส่วนคำร้องในรอบนี้ เป็นคำร้องอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นไป พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 จะไม่เหมือนกัน รายละเอียดในการต่อสู้ แก้ข้อกล่าวหาก็จะไม่เหมือนกันด้วย ส่วนจะมีการรวมพฤติการณ์ 44 ส.ส. ที่ร่วมกันเสนอชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้ามาในตัวคำร้อง เพื่อประกอบหลักฐานนั้น เดี๋ยวต้องดูอย่างที่บอกยังไม่มีเวลาดูทั้งหมด
เมื่อถามว่ามีคำพูดที่ว่ายิ่งยุบยิ่งโต หากเกิดอะไรขึ้นกับพรรคจะเป็นจะเป็นโอกาสให้กับพรรคหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การเติบโตของพรรคก้าวไกลไม่ได้ขึ้นอยู่กับการยุบหรือยุบพรรค แต่ขึ้นอยู่กับ แนวทางการทำงาน รวมถึง นโยบายที่จะสามารถตอบโจทย์กับพี่น้องประชาชนได้หรือไม่ คงไม่มีใครหวังว่าตัวเองจะถูกยุบเพื่อให้เติบโตขึ้น เรายังเชื่อมั่นว่าถ้าพรรคสามารถฝ่าฟันอุปสรรคตรงนี้ไปได้เนี่ยเรายิ่งเติบโตก็ยิ่งเข้มแข็ง
ด้านนายพิธา กล่าวถึงประเด็นที่มีการ กล่าวในที่ประชุมสภาฯว่าอาจจะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย จากนั้น สส.ของพรรคออกมาแสดงความรู้สึกในทำนองเดียวกัน ถือเป็นความรู้สึกเดียวกัน ที่กังวลว่า จะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายหรือไม่ ว่า
“ไม่เลยครับ” อย่างที่บอกว่าเป็นการทำงานที่อยู่กับปัจจุบัน แล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่างที่บอกเราเสียดายศรัทธาประชาชน เสียดายโอกาสของประเทศ ที่จริงๆแล้วสามารถทำได้เยอะมาก กับ 7 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงเสนอแนะว่าถึงเวลาที่ควรปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อ เอาคนที่มีประสิทธิภาพออก และนำคนที่มีประสิทธิภาพเข้า เพื่อให้สมรรถภาพของรัฐบาล ตามความท้าทาย ของประเทศได้ทัน ในส่วนของเราก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ รวมถึงสู้คดีอย่างเต็มที่ ครั้งนี้โคตรหนักกว่าคราวที่แล้วเยอะ โทษคราวที่แล้วมีเอาไว้แค่ปรามป้องกันเรายังมีสิทธิ์ไต่สวน แต่คราวนี้ถึงขั้นยุบพรรคประหารชีวิตทางการเมือง ก็ควรให้สิทธิ์ขยายอย่างละเอียด เราจะได้สู้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อครหา
ส่วนที่มีการมองว่าคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าเป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลายนั้น เป็นสารตั้งต้น ในการยุบพรรคนั้น นายพิธา ระบุว่า กฎหมายมีหลายมาตรา เพราะฉะนั้นต้องดูกฎหมายมาตรามาตรานั้นมีเจตนารมย์อย่างไร มีไว้ป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำก็สัดส่วนหนึ่ง ถ้าเป็นอันที่จะต้องถึงประหารทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายพรรคฝ่ายค้านอันดับหนึ่ง มันกระทบกับประชาธิปไตยทั้งหมด ฉะนั้นแค่มีคำวินิจฉัยแบบเดิมมา ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำหนักโทษเท่ากัน ในส่วนของเราเรายังมีเวลาในการทำคำชี้แจงทางกฎหมายไป
“ส่วนของเราไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว และเกรงกลัวอะไร คำตอบที่ดีที่สุดเพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคคือ การทำงาน ถ้ารู้สึก จิตใจกังวลคงทำงานได้ไม่เหมือนการอภิปราย ม.152 เพราะเราชกสุดหมัดทั้งหมด” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวอีกว่า ณ ตอนนี้พรรคการเมืองทุกพรรคไม่มีใครเห็นด้วยกับการยุบพรรคทั้งนั้น โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา น่าจะเป็นการยุบพรรครอบที่ 4-5 ซึ่งน่าตั้งคำถามว่า สมเหตุสมผลหรือไม่ที่ประสิทธิภาพการเมืองไทยเป็นแบบนี้ เลือกตั้งมาก็ยุบ มันไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกลพรรคเดียว แต่เป็นเรื่องของระบบประชาธิปไตยที่นักการเมืองทุกคนอยู่ในระบบแบบนั้น
นายพิธา กล่าวย้ำว่า เรากลับมาสู้กันในระบบดีกว่า เพราะทุกการกระทำมีผลลัพธ์ของการกระทำ ตนก็ยังไม่รู้ว่า คนที่มีอำนาจจะยุบพรรค ถามตัวเองหรือยังว่า ยุบแล้วได้อะไรขึ้นมา ในระยะสั้นนั้นอาจทำให้พวกตนอ่อนแอลง แต่อย่าลืมว่ามันคือการติดเทอร์โบให้กับพวกตนเหมือนกัน ซึ่งจะทำให้ได้แต้มต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ด้านนายชัยธวัช กล่าวเสริม ถึงคดีการยุบพรรคอีกว่า ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่มีข้อไหนที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมือง ต่างจากรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้บางฉบับ ซึ่งสิ่งนี้จึงเป็นจุดสำคัญเมื่อรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดอำนาจการยุบพรรคแต่กลับกำหนดอยู่ในกฎหมายลำดับรองอย่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการมีคำสั่งให้ยุติการกระทำที่เห็นว่าเป็นการล้มล้างการปกครองเท่านั้น
ทั้งนี้นายชัยธวัช ยังยืนยันอีกว่า ตนไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตไกล แม้จะมีชื่อคล้ายพรรคอนาคตใหม่ เพียงแต่พรรคดังกล่าวนั้นมีการใช้สีส้ม เพราะอาจมองว่า สีส้มเป็นสีที่นิยมอยู่ในขณะนี้
เมื่อถามถึงกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ระบุว่าลูกสาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หน้าหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีดีเอ็นเอเหมาะเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย คิดเห็นอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้านางสาวแพทองธาร จะสามารถเป็นผู้นำพรรค รวมถึงผู้นำประเทศในอนาคต และประสบความสำเร็จ ก็คงขึ้นอยู่กับความสามารถและศักยภาพของนางสาวแพทองธารเอง คงไม่เกี่ยวกับว่ามีพ่อหรือมีแม่เป็นใคร
////////////////
ข่าว
22 ก.ย. 2567 12:21 35 views
ข่าว
22 ก.ย. 2567 12:07 51 views
ข่าว
22 ก.ย. 2567 11:59 54 views
ข่าว
22 ก.ย. 2567 11:53 83 views
ข่าว
22 ก.ย. 2567 11:48 43 views
ข่าว
22 ก.ย. 2567 11:41 47 views
ข่าว
22 ก.ย. 2567 11:38 44 views
ข่าว
22 ก.ย. 2567 11:31 64 views
ข่าว
22 ก.ย. 2567 10:34 50 views
ข่าว
22 ก.ย. 2567 09:59 73 views
ข่าว
21 ก.ย. 2567 16:43 261 views
ข่าว
21 ก.ย. 2567 14:18 187 views
ข่าว
21 ก.ย. 2567 12:37 257 views
ข่าว
21 ก.ย. 2567 12:25 240 views
ข่าว
21 ก.ย. 2567 12:18 284 views
ข่าว
21 ก.ย. 2567 12:16 221 views