รัสเซียไว้อาลัยเหตุกราดยิง ตายพุ่ง143เจ็บอีกกว่า150 ปูตินเผยจับ4มือปืนได้แล้ว

มอสโก/เคียฟ/วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์)-รัสเซียทั่วประเทศร่วมไว้อาลัยให้กับเหยื่อกระสุนจากเหตุโจมตีสถานที่จัดคอนเสิร์ตแห่งหนึ่งในกรุงมอสโกเมื่อคืนวันศุกร์ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 143 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 150 คน ขณะที่ผู้นำรัสเซียเผย จับกุมมือปืนทั้ง 4 คนได้แล้วและเชื่อว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับยูเครน แม้ว่ากลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส จะประกาศว่าอยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมครั้งนี้

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. เป็นวันที่รัฐบาลรัสเซียประกาศให้เป็นวันไว้ทุกข์และไว้อาลัยทั่วประเทศ ให้กับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุยิงสังหารผู้คนในศูนย์จัดแสดงดนตรี หรือ คอนเสิร์ตฮอลล์ ชื่อ โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ ในเขตครัสโนกอร์สค์ ชานกรุงมอสโก เมื่อคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยในวันนี้ มีการลดธงลงครึ่งเสาตามอาคารสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ กิจกรรมต่างๆ ที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันถูกยกเลิกทั้งหมด สื่อในประเทศงดเผยแพร่รายการบันเทิง โดยยังคงรายงานเกาะติดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกับชาวรัสเซียจำนวนมากในกรุงมอสโก ที่อาศัยช่วงวันหยุดเดินทางไปตามโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อบริจาคโลหิตให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ และต้องการใช้เลือดในการผ่าตัดช่วยชีวิต

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวในการปราศรัยทางโทรทัศน์ ประณามเหตุกราดยิง ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรัสเซียในรอบเกือบ 20 ปี ระบุว่าเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายป่าเถื่อน และว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมมือปืนทั้ง 4 คนที่ลงมือก่อเหตุกราดยิงภายในสถานที่จัดคอนเสิร์ตเมื่อคืนวันศุกร์ได้แล้วทั้งหมด ขณะที่กลุ่มคนร้ายพยายามขับรถหลบหนีไปยังยูเครน พร้อมกับให้คำมั่นติดตามและลงโทษผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้

เหตุโจมตีภายใน โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ในเขตครัสโนกอร์สค์ ชานกรุงมอสโก เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันศุกร์ที่ 22 มี.ค. ซึ่งมีผู้คนมากถึง 6,200 คน ไปรวมตัวกันเพื่อชมคอนเสิร์ตของวง Picnic วงดนตรีร็อกยุคสหภาพโซเวียต หลายคลิปวีดีโอที่มีการแชร์กัน จะเห็นชายหลายคนเดินอยู่บริเวณลานด้านนอก และเปิดฉากยิงใสฝูงชน ก่อนที่จะเข้าไปภายในและยิงผู้คนในสถานที่จัดคอนเสิร์ต ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คนที่พยายามหลบหนีต่อมามีผู้พบเห็นเพลิงไหม้ลุกลามหลังคาและส่วนหน้าของอาคาร

คณะกรรมการสอบสวนสืบสวนของรัสเซีย แถลงล่าสุดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ เพิ่มเป็นอย่างน้อย 143 ศพและผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 150 คน นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้สูญหายอีกจำนวนมาก คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ระบุว่า คนร้ายใช้ของเหลวไวไฟจุดไฟเผาส่วนต่างๆ ของคอนเสิร์ตฮอลล์ จนอาคารเสียหายราว 1 ใน 3 และผู้เสียชีวิตมีบาดแผลจากการถูกกระสุนปืน และการสูดควันพิษ

ด้านสำนักงานข่าวกรองกลางรัสเซีย หรือเอฟเอสบี รายงานว่า สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายครั้งนี้ได้แล้ว 11 คน ในจำนวนนี้ 4 คนเป็นมือปืนที่ปรากฏในคลิปขณะลงมือก่อเหตุทั้ง 4 ถูกจับกุมขณะขับรถยนต์สีขาวหลบหนีในภูมิภาคบรีอานสก์ ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 340 กิโลเมตร และห่างจากพรมแดนยูเครนไม่ถึง50 กิโลเมตร ตำรวจพบปืนพก ซองกระสุนปืนไรเฟิล และหนังสือเดินทางทาจิกิสถานหลายเล่มภายในรถ โดยทาจิกิสถานเป็นประเทศในเอเชียกลาง ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม และเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต

แม้ว่ากลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส จะออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ รวมถึงมีการเผยแพร่คลิปขณะมือปืนลงมือกราดยิงและสังหารผู้คนอย่างเลือดเย็น ซึ่งได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเป็นคลิปที่ถูกต้อง แต่จนถึงขณะนี้ รัสเซียไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่ไอเอสอ้างว่าอยู่เบื้องหลัง แต่ระบุชัดเจนว่าพบความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ก่อเหตุกับยูเครน อ้างมีข้อมูลเบื้องต้นที่แสดงให้เห็นว่ามีคนในฝั่งยูเครนเตรียมให้คนร้ายข้ามพรมแดนจากรัสเซีย

ด้านรัฐบาลยูเครนปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ว่าไร้สาระ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวหาปูตินว่าพยายามกล่าวโทษยูเครนสำหรับการโจมตีครั้งนี้ และว่าแทนที่จะจัดการกับพลเมืองรัสเซีย ปูตินกลับเงียบไปหนึ่งวัน และพยายามคิดว่าจะโยงเรื่องนี้ไปยังยูเครนได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เคยออกแถลงการณ์เตือนรัสเซีย ว่าอาจเกิดการโจมตีการชุมนุมขนาดใหญ่ในกรุงมอสโก แต่รัฐบาลรัสเซียในเวลานั้นมองว่านั่นเป็นโฆษณาชวนเชื่อ และเป็นความพยายามของสหรัฐฯ ที่หวังแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ประณามเหตุโจมตีในรัสเซียว่าเป็นการก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมเลือดเย็น และว่ากลุ่มไอเอสควรจะต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้นจากทุกพื้นที่ทั่วโลก

////////////////////