ศาลสั่งยกฟ้อง บอนนี่ เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น ดารุมะซูชิ ลวงขายคูปอง-แฟรนไชส์ เสียหายหลายร้อยล้าน ศาลชี้เป็นการบริหารที่ผิดพลาดเอง  ไม่มีเจตนาทุจริตหลอกลวง 

ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีฉ้อโกงประชาชนที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท ดารุมะ ซูชิ  จำกัด และนายเมธา หรือบอนนี่ อายุ 41 ปี กรรมการผู้มีอำนาจร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน  ร่วมกันฟอกเงิน  ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ

โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า  เมื่อระหว่างวันที่ 18 พ.ค.64- 18 มิ.ย.65 จำเลยทั้งสองร่วมกันหลอกลวงประกาศขายอาหารบุฟเฟต์ญี่ปุ่นโปรโมชั่นต่างๆ รวมทั้งจำหน่ายคูปองใบละ199 บาท ถึง 399 บาทผ่านแอปพลิเคชั่น Daruma  sushi โดยโอนเงินผ่านบัญชีบริษัทจำเลยที่ 1 แต่ความจริงแล้วพวกจำเลยมิได้มีเจตนาตั้งแต่ต้นที่จะประกอบกิจการร้านอาหารญี่ปุ่นดังกล่าวเพื่อมาหลอกลวง จนมีผู้เสียหาย 988 รายหลงเชื่อซื้อคูปองเป็นความผิด 988 กรรม

นอกจากนี้ จำเลยยังหลอกลวงประกาศขายแฟรนไชส์ ให้ผู้สนใจร่วมลงทุนราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาทถึง 2.5 ล้านบาทต่อสาขาโดยมีผู้เสียหาย 11รายหลงเชื่อชื้อแฟรนไชส์ จากจำเลยเป็นความผิด 11 กรรม   

นอกจากนี้ คำฟ้องยังระบุอีกว่ามีการร่วมกันฟอกเงิน โดยนำเงินจากการกระทำผิด จำนวน 150 .7 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารตนเอง เพื่อปกปิดหรืออำพราง ซึ่งการได้มาแล้วโอนเข้าบัญชีธนาคารอื่นหลายครั้งหลายหน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด และร่วมกันคืนเงินหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายแต่ละรายตามความเสียหายรวม 42.3 ล้านบาทเศษด้วย

อย่างไรก็ตาม วันนี้ทนายจำเลยที่ 1 และเบิกตัวจำเลยที่ 2 จากเรือนจำมาฟังคำพิพากษา  โดยศาลได้อ่านคำพิพากษา สั่งยกฟ้องนายเมธา หรือบอนนี่ เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น ดารุมะมซูชิ  โดยชี้ว่าเป็นการบริหารที่ผิดพลาดเอง เกิดจากภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน  ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ไม่มีเจตนาทุจริตหลอกลวง  ในส่วนกรณีการฟอกเงินนั้น ศาลได้พิพากษายกฟ้อง จำเลยทั้งสองคนด้วย เช่นกัน