ปอท. ทลายเครือข่ายหลอกลงทุนเทรดหุ้น ทองคำ-น้ำมัน ตุ๋นเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 16,000 ล้านบาท

พลตำรวจโท จริภพ ภูริเดช   ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง   แถลงผลการจับกุม คดีสำคัญ โดยคดีแรก ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  หรือ ปอท.  จับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับหลายราย   สืบเนื่องจาก  เดือนกรกฎาคม 2566  ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความกับ ปอท. ว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอม  แชทพูดคุยกระทั่งผู้เสียหายเริ่มไว้วางใจ คนร้ายจึงได้ชักชวนลงทุนเทรดหุ้นทองคำและหุ้นน้ำมัน ผ่านแอปพลิเคชันปลอม   ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปลงทุน โดยในช่วงแรกได้ผลตอบแทนจริง  กระทั่งเริ่มลงทุนจำนวนมากขึ้นและต้องการถอนเงิน แต่สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินได้  จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง  และเมื่อตรวจสอบพบมีผู้เสียหายลักษณะเดียวกัน 23 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท  

ทั้งนี้ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นขบวนการที่มีฐาน อยู่ที่ สปป.ลาว มีการแยกหน้าที่กันทำชัดเจน  ปอท. จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา 18 ราย โดยแบ่งเป็นเป็นกลุ่มบัญชีม้า (คนไทย) 8 ราย ,กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและฟอกเงิน   5 ราย (เป็นคนไทย 2 ราย, มาเลเซีย 1 ราย และจีน 2 ราย) ,กลุ่มผู้สั่งการหรือนายทุน (คนจีน)   5 ราย  จากนั้นจึงนำกำลังเข้าตรวจค้น 10 จุด  ในหลายจังหวัด  โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 ราย  เป็นกลุ่มบัญชีม้า และ กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและฟอกเงิน    

โดยตำรวจพบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงิน  จากนั้นได้ทำการแปลงสภาพเงินให้กลายเป็นเงินสกุลดิจิทัล และจะถูกโอนต่อไปอีกหลายทอด ตรวจสอบเพิ่มเติมพบด้วยว่า ห้วงพฤษภาคม ปี 2565 ถึงปัจจุบัน กลุ่มคนร้ายมีการรับเงินดิจิทัลสกุล USDT ประมาณ 230 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทย มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท และมียอดเงินหมุนเวียน กว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าได้มาจากการกระทำความผิด

เบื้องต้น ผู้ต้องหาบางราย ยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นายทุนชาวมาเลเซีย ให้จัดหาบัญชีธนาคารและบัญชีเทรดคริปโตม้า โดยมีการผูกแอปพลิเคชันธนาคารและแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลไว้ในโทรศัพท์มือถือ ในลักษณะพร้อมใช้งาน จากนั้นจะส่งโทรศัพท์มือ  ไปยัง ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อส่งต่อไปยังฐานใน สปป.ลาว โดยนายทุนชาวมาเลเซียจะจ่ายค่าจ้างเป็นเงินประมาณ 10,000 บาท ต่อบัญชีม้าหนึ่งบัญชี   อีกทั้งยังมีการจดทะเบียนบริษัท และเช่าบ้าน ย่านเขตบางชัน ไว้เป็นออฟฟิศ เพื่อใช้ในการฟอกเงิน