จากกรณีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รายการ “เอเชียนคัพ 2023” รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นระหว่างวันที่ 12 มกราคม-10 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ยังไม่มีบริษัทเอกชนในประเทศไทยเจ้าไหนที่สามารถตกลงซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดได้

โดยก่อนหน้านี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ส่งหนังสือไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อสอบถามถึงโอกาสที่ภาครัฐจะซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเอเชี่ยนคัพ 2023 หลังจากนั้นทาง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้ให้สัมภาษณ์ระบุว่า รัฐบาลคงต้องมาดูก่อนจะสามารถทำตรงไหนได้บ้าง เพื่อให้คนไทยทุกคนได้ชมศึกฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2023 ในครั้งนี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้มีการเจรจาเรื่องการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2023 ปรากฏว่า แฟนฟุตบอลชาวไทยเตรียมที่จะได้รับชมการแข่งขันครั้งนี้ในช่วง 2 วันสุดท้ายก่อนที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ได้กำหนดเส้นตายให้ทุกชาติซื้อลิขสิทธิ์ โดยมีรายงานว่า จะมีการถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันที่ทัพนักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ลงสนามฟาดแข้ง รวมถึงเกมในรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผ่านทางช่องสถานีโทรทัศน์ PPTV HD 36

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่า กระบวนการการพยายามซื้อลิขสิทธิ์เอเชี่ยนคัพ ที่เคยนิ่งๆ เงียบๆ กลับมาถูกกระตุ้นอีกครั้ง มีการสอบถามราคาไปยังเอเจนซี่ กับเอเอฟซี

ในส่วนของค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดนั้น สามารถซื้อแยกเฉพาะคู่ของทีมชาติไทยได้ โดยราคาสำหรับรอบแบ่งกลุ่ม 3 นัดของไทย รายงานข่าวระบุว่า ตอนนี้คุยกันจนดึงลงมาอยู่ที่เพียง 10 ล้านบาทต้นๆ แล้ว หลังจากเคยเปิดมาที่ 20 ล้านบาท ซึ่งการเจรจาข้อสรุปนั้น คาดว่าจะจบภายในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า มีโอกาสที่สถานีที่จะได้ถ่ายทอดสด น่าจะเป็น พีพีทีวี ช่อง 36 แต่ยังไม่มีการยืนยัน