หลังจบเกมนัดตกค้างศึกฟุตบอลไทยลีก ที่ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก เปิดบ้านพ่ายให้กับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-1 เมื่อวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเกมนัดดังกล่าวถูกวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่ายว่า จัดโปรแกรมสุดพิสดารในช่วงเตรียมฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ 2024 เป็นอุปสรรคใหญ่กับการเตรียมทีมชาติไทย

“โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เฮดโค้ช แบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดใจว่า นี่เป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา หรือพูดอะไรกับผู้ตัดสินมาเลย แต่มันหลายๆ จังหวะ หรือตั้งแต่เกมที่แล้วที่เราได้แฮนด์บอลจะๆ ซึ่งมันไม่มีคำอธิบายว่าทำไมถึงไม่ไปดู VAR เพราะเป็นจังหวะแฮนด์บอลชัดเจน ซึ่งเราไม่ได้เมื่อแมตซ์ก่อน ก็งงเหมือนกันใน

สถานการณ์นั้น แล้วก็มาเจอกับสถานการณ์ในเกมนี้อีก ลูกที่ เอฟเวอร์ตัน โผเข้าโหม่ง ซึ่งมันเป็นประตูที่เคลียร์ มันไม่ได้เกิดจากการฟาวล์ แต่พอหลังเกมมาได้ยินจากเอเวอร์ตันเองหรือนิติพงษ์เอง เขาบอกว่า กรรมการให้เหตุผลว่า เอเวอร์ตันไปเตะก่อนที่จะเข้าโหม่ง ซึ่งพอมาดูภาพช้ากลายเป็นว่าไม่มีจังหวะนั้นเกิดขึ้นเลย

“แต่ถ้าไปดูภาพช้าแล้วผมเห็นว่ามีการเตะกันจริงอย่างที่ผู้ตัดสินบอก อันนี้ผมจะยอมรับว่าเอเวอร์ตันฟาวล์ ซึ่งก็มาบอกว่าเป็นดุลยพินิจของกรรมการอยู่เรื่อย ผมก็ยอมรับในความพ่ายแพ้อยู่แล้วนะ แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันก็โหดร้ายเกิดไปสำหรับคนที่ทำงานโค้ช รวมถึงคนที่ลงทุนทำทีม เขาก็อยากได้ชัยชนะเหมือนกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งถ้าผมจะตกงานด้วยความพ่ายแพ้ของตัวเองผมก็ยอมรับอยู่แล้ว มันก็เลยเกิดอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ไปด่าคำหยาบคายกับกรรมการ แค่อยากทราบว่าทำไมมันเป็นสถานการณ์แบบนั้น” โค้ชแบนกล่าวอย่างดุเดือด

ถึงแม้ แบงค็อก ยูไนเต็ด จะไม่สามารถเก็บชัยชนะในบ้านได้ แต่เกมนัดดังกล่าวได้ทำลายสถิติผู้เข้าชมสูงสุดของสนามทรู สเตเดียม ในศึกไทยลีก โดยมียอดอยู่ที่ 9,132 คน ถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2019

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ยังคงรั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนไทยลีก โดยมีอยู่ 34 คะแนนจากการลงเล่น 15 นัด นำหน้าบุรีรัมย์ รองจ่าฝูงอยู่ 4 คะแนน

โดยโปรแกรมถัดไปของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด คือลงเล่นในศึกฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยน แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีม พบกับ โยโกฮามา มารินอส ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์