วันอังคารที่ 17 กันยายน 2567
8 ม.ค. 2567 09:15 | 1244 view
@pracha
ข้องใจแบงก์ฟันกำไรอ้วน 2.2 แสนล้าน ‘หนุ่มเมืองจันท์’ ถาม รบ.-ธปท.ไม่รู้สึกผิดปกติบ้างหรือ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีจี้ลดส่วนต่างดอกเบี้ย
วานนี้ นายสรกล อดุลยานนท์ หรือหนุ่มเมืองจันท์ นักเขียนและคอลัมนิสต์ชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หนุ่มเมืองจันท์ กรณีช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-กันยายน) ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย 10 แห่ง ประกาศผลประกอบการออกมาโดยรวมมีกำไรสุทธิ 186,559 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 163,745 ล้านบาท และจาก NIM (ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ) ทำให้คาดว่าแบงก์จะมีกำหนดไรสุทธิ ปี 2566 อยู่ที่ 202,183 ล้านบาท เติบโต 18.5% จากปีก่อนหน้า ถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ มีสาระสำคัญระบุว่า ไม่รู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แบงก์ชาติ จะรู้สึกตะหงิดอะไรในใจบ้างหรือไม่ เพราะ 1.ถ้าเศรษฐกิจดี ประชาชนมีกำลังซื้อ พ่อค้าแม่ค้าขายของได้ ทุกธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้น กำไรของแบงก์ถือเป็นเรื่องปกติ
2.แต่สถานการณ์เศรษฐกิจในวันนี้แย่มาก แบงก์ชาติเพิ่งปรับลดจีดีพี ปี 2566 จาก 3.6% เหลือ 2.4% พ่อค้าแม่ค้าบ่นว่าขายของไม่ดี ธุรกิจเอสเอ็มอี 11 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 เลิกกิจการ 17,858 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 11% รถยนต์ถูกยึดเดือนละ 27,000 คัน เพราะคนผ่อนไม่ไหว
3.คนที่ยื่นเรื่องขอกู้ซื้อบ้านถูกแบงก์ปฏิเสธประมาณ 50% หากบ้านหรือคอนโดมิเนียมราคา 1-3 ล้านบาท อัตราการกู้ไม่ผ่านสูงถึง 70% เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ค่าผ่อนบ้านต่อเดือนสูงขึ้นในขณะที่เงินเดือนเท่าเดิม แบงก์ไม่ปล่อยกู้เพราะกลัวหนี้เสีย
4.ลำพังแค่เศรษฐกิจไม่ดี แต่แบงก์กำไรเพิ่มขึ้นก็ถือว่าผิดปกติแล้ว เมื่อดูเหตุผลว่าทำไมแบงก์ไทยทำกำไรได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ตั้งแบงก์มายิ่งน่าตกใจ เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นของ NIM หมายความว่าในขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น แบงก์ก็ขยับ ส่วนต่าง ของดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ของแบงก์ไทยเพิ่มขึ้นจากเดิม จ่ายดอกเบี้ยคนฝากเงินน้อย แต่ให้กู้แพง ทำกำไรแบบง่ายๆ
5.ประเด็นสำคัญ ก็คือหน่วยงานที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ คือ ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่รู้สึกว่าผิดปกติบ้างหรือไม่ แบงก์ชาติระบุว่าจีดีพี ปี 2566 ขายตัวประมาณ 2.4% แต่ธุรกิจธนาคารที่คุมระบบการเงินของประเทศเติบโตสูงถึง 18.5% หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศถึงเกือบ 8 เท่าตัว ความผิดปกติแบบนี้รัฐบาลและแบงก์ชาติไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า มาตรการสำคัญเร่งด่วนคือมาตรการพักหนี้-ปลดหนี้เอสเอ็มอี โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นั้น เอสเอ็มอีขอชื่นชมและสนับสนุนมาตรการนี้ แต่มีประเด็นเพิ่มเติมคือการใช้กลไก บสย.เป็นหลัก ควรออกแบบให้มีกลไก การถอดบทเรียนบ่มเพาะเอสเอ็มอี รวมถึงการมีแผนยกระดับขีดความสามารถเอสเอ็มอี ทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม มีการตั้งคำถามว่า เหตุใดขณะที่ผู้ประกอบการมีหนี้สินเยอะ หนี้เสียเพิ่ม และหนี้ครัวเรือนสูงต่อเนื่อง แต่ระบบธนาคารยังมีกำไรหลายแสนล้านบาท
“ถึงเวลาลดปัญหาโดยการจัดการอัตราดอกเบี้ยให้เกิดความเป็นธรรมสูงสุด เพราะวันนี้ผู้ประกอบการและคนไทยเจออัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ห่างกัน 7-8% ขณะที่ต่างประเทศช่องว่างเงินกู้กับเงินฝากห่างกัน 3-5% ดอกเบี้ยเงินฝากตอนนี้ไม่ถึง 2.50 บาท แต่ดอกเบี้ยเงินกู้เอสเอ็มอีที่เจอกันก็ไม่ต่ำกว่า 10-15% บางรายถึง 20-23% ก็มี ในการประชุมคณะกรรมการสมาพันธ์ครั้งหน้าจะหารือกันถึงเรื่องนี้ เพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอส่งถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการทบทวนวิธีการคิดดอกเบี้ยของธนาคาร และกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม โดยเสนอให้ลดช่องว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝาก เพื่อลดภาระประชาชนและรายย่อยอย่างแท้จริง” นายแสงชัยกล่าว
///////////////////////
ข่าว
16 ก.ย. 2567 17:25 117 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 15:16 139 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 15:06 131 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 15:02 119 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 14:15 148 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 14:06 127 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 14:04 145 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 13:09 156 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 12:55 189 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 12:31 163 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 12:26 134 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 12:23 148 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 12:02 167 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 11:20 150 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 11:18 171 views
ข่าว
16 ก.ย. 2567 11:14 156 views