“อนุทิน-แพทองธาร” นั่งหัวโต๊ะถกแผนดันสงกรานต์ติดท็อป 10 สุดยอดเทศกาลของโลก สร้างเงินสะพัด 3.5 หมื่นล้าน ย้ำมหาดไทยพร้อมหนุนทุกนโยบายรัฐบาลสร้างงาน เสริมรายได้ประชาชนอย่างยั่งยืน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุม การพิจารณาวางแผนการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival  ณ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ทั้ง 11 สาขา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเข้าร่วมด้วยผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS)

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุม นายอนุทิน ได้กล่าวยืนยันว่ากระทรวงมหาดไทยร่วมผลักดันภารกิจซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อเริ่มต้นโอกาสใหม่ๆของคนไทย โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างการขับเคลื่อนสินค้า OTOP ที่ดำเนินการมา 2 ทศวรรษตั้งแต่ยุคที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และได้มีการพัฒนาเรื่อยมาเป็นฐานสำคัญของเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ตามนโยบายของรัฐบาล

จากนั้น ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวคิด แผนงาน การจัดงาน Maha Songkran World Water Festival เพื่อพิจารณาขอการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ การขอรับสนับสนุนพื้นที่จัดงานโดยกรุงเทพมหานคร การให้ทุกจังหวัดจัดส่งขบวนรถพาเหรดเข้าร่วม  ส่งสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นดีของเด่นของแต่ละจังหวัดเพื่อจำหน่ายภายในงาน  การสนับสนุนพื้นที่ การสนับสนุนน้ำสะอาดสำหรับการจัดกิจกรรมของการประปานครหลวง ตลอดจนการจัดหากระแสไฟฟ้า ประดับไฟในการจัดงานโดยการไฟฟ้านครหลวงเป็นต้น

ด้าน นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล กล่าวต่อว่า แนวทางเบื้องต้นของงาน  Songkran World Water Festival จะมีการตั้งคณะทำงานที่ทำหน้าที่ชูสงกรานต์ทั้ง 77 จังหวัดตลอดเดือน เมษายน 2567 และผลักดันให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอด Festival ของโลก ผสมผสานการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของไทย จึงตั้งเป้าหมายไว้ว่าเทศกาลนี้จะสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท

ต่อจากนั้น คณะทำงานจึงได้นำเสนอข้อมูลที่จะจัดงานที่ท้องสนามหลวง และมีขบวนพาเหรด ผ่านบนถนนราชดำเนินไปยังท้องสนามหลวง โดยจะจัดงานระหว่างวันที่ 12-15 เมษายน 2567  ซึ่งวันที่ 12 เมษายน จะเป็นวันเคาท์ดาวน์ที่สนามหลวง และระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน จะมีขบวนพาเหรดและกิจกรรมต่างๆ ที่มาจากการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนทั้ง 77 จังหวัด รวมถึงความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐเอกชนและ 10 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์

ขณะที่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ย้ำว่า การจัดมหาสงกรานต์ในกรุงเทพฯ นั้นอาจจะต้องพิจารณาในมิติวิถีชีวิตของคนไทย ที่โดยปกติสงกรานต์จะเป็นช่วงที่คนไทยเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อรวมญาติหรืออยู่กับความครัว และสงกรานต์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้กับท้องถิ่นทุกจังหวัดในทุกปี แนวทางที่น่าสนใจอีกทางหนึ่งคืออาจจะเป็นการส่งเสริมให้แต่ละจังหวัดสามารถจัดสงกรานต์ให้ใหญ่มากขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น

จากนั้น นายอนุทิน ได้กล่าวทิ้งทาย โดยระบุว่า  ซอฟต์พาวเวอร์ถือเป็นนโยบายหลักรัฐบาล ฉะนั้นขอยืนยันว่ากระทรวงมหาดไทยพร้อมจะสนับสนุนทุกนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ การประชุมในครั้งนี้จึงทำให้เรามองเห็นแนวคิดการจัดงาน ว่าควรดำเนินนโยบายและข้อปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้คณะทำงานกลับไปจัดทำรายละเอียดและกลับมานำเสนอพิจารณาอนุมัติ การทำงานในส่วนต่างๆ ในการประชุมครั้งต่อไป