เปิดโพยธุรกิจ SME กลุ่มดาวรุ่ง-ดาวร่วงแห่งปี’67

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)เปิดเผยในงาน 2nd SME Symposium 2023 หัวข้อ “Trend ทางออก SME ไทย ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน - SME ไทย โลกใหม่ใบสีเขียว ว่า ปี 2567 สสว. คาดการณ์แนวโน้มการเติบโต GDP SME อยู่ระหว่าง 4–5% ปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการท่องเที่ยวและการส่งออก รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การสู้รบและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคต่างๆ ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่อาจกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน ดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความท้าทายให้ SME ต้องปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง

ผลการศึกษาสถานการณ์และแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของ SME พบว่า ในปี 2567 มีธุรกิจของ SME ทั้งกลุ่มที่เป็นดาวรุ่ง และกลุ่มธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวังโดยกลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 และ 2567 พบว่า มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นดาวรุ่งต่อเนื่องสองปีซ้อน และกลุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงสำหรับปี 2567

กลุ่มธุรกิจที่เป็นดาวรุ่งต่อเนื่องสองปีซ้อนได้แก่ 1.ธุรกิจขายของชำ หรือ ร้านโชห่วย ซึ่งเติบโตถึง 940% 2.ธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนสัมผัสวัฒนธรรมชนบท เติบโตถึง 187% หลังสถานการณ์โควิด-19 เทรนด์การท่องเที่ยวของโลกเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติมากขึ้น 3.ธุรกิจขายของในบ้านมือสองและซ่อมเฟอร์นิเจอร์ เติบโตกว่า 263% เนื่องจากราคาซ่อมมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจัดซื้อใหม่ ประกอบกับเทรนด์การรักษ์โลก ผู้คนหันกลับมามองสิ่งของรอบตัวที่เรามีในชีวิตประจำวัน 4.ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ เช่น การตัดต่อ และการจัดผังรายการ เติบโตที่ 199% เนื่องจากหลังโควิด-19 ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อปรับกลยุทธ์ขยายแพลตฟอร์มไปทางกลุ่มสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น รวมทั้งการเข้าสู่อาชีพ YouTuber และการสร้างกระแสในโลก Social ที่ง่ายขึ้น เกิดช่อง YouTuber ของคนไทยเป็นจำนวนมาก 5.ธุรกิจ ผับบาร์ และร้านที่ขายแอลกอฮอล์เป็นหลัก เติบโต 125% เนื่องจากหลังโควิด-19 มีการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติกลับมาใช้ชีวิตยามราตรีได้ตามปกติ

กลุ่มธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงในปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นมา 6 อันดับ ได้แก่ 1.ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 1,925% ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ 2.การผลิตน้ำอัดแก๊สและโซดา มีอัตราการเติบโต 1,109% หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายผลิตภัณฑ์น้ำดื่มได้รับความนิยม มีรสชาติและรูปแบบแปลกใหม่มากขึ้น3.ร้านตัดเย็บและซ่อมเครื่องแต่งกาย เช่น การแก้ทรงเสื้อ การตัดขากางเกง เติบโต 667% 4.กิจกรรมสันทนาการ เช่น ร้านขายเครื่องดนตรี ร้านเกม มีอัตราการเติบโต 349% 5.บริการเกี่ยวกับงานศพครบวงจรเติบโต 285% ช่วยลดความยุ่งยากและเวลาในการดำเนินการ 6.ธุรกิจร้านเสริมสวย เติบโต 193% ผลจากการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ส่วนธุรกิจในกลุ่มเฝ้าระวัง มีทั้งธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวัง 2 ปีต่อเนื่อง 2566 และ 2567 คือ ธุรกิจหอพักนักศึกษา  ขณะเดียวกันมีธุรกิจที่เริ่มต้องเฝ้าระวังในปี 2567 มีจำนวน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสอง เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หดตัวมากถึง 82% เนื่องมาจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีในปัจจุบันมือหนึ่งราคาถูกลงมาก 2.ธุรกิจขายงานฝีมือและของที่ระลึก เช่น เครื่องเงิน เครื่องจักสาน หดตัวถึง 75% และ 3.ธุรกิจเกสต์เฮ้าส์ หดตัวกว่า 65% นักท่องเที่ยวนิยมห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า หรือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวมากขึ้น

/////////////////////