สุริยะเล็งตั้งทีมดึงนักลงทุน เพิ่มเม็ดเงินเข้าพื้นที่อีอีซี

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ในฐานะประธานประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ได้จัดประชุมคณะกรรมการฯครั้งที่ 1/2566 ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่อีอีซี โดยมีนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)ในฐานะกรรมการและเลขานุการฯ เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบข้อเสนอการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน ได้แก่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการลงทุนให้มีเอกภาพลดความซ้ำซ้อนลดความสับสนของผู้ลงทุน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ

นายสุริยะกล่าวว่าได้มอบหมายให้สกพอ.,บีโอไอ และ กนอ. เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อทำหน้าที่เป็นกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ของประเทศไทย ล่าสุด ได้หารือร่วมกันถึงแนวทางการเป็นศูนย์กลางรับรองนักลงทุนหรือผู้ที่สนใจจะเข้ามาลงทุน รวมทั้งประชาสัมพันธ์มาตรการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเตรียมเข้าเจรจาผู้ที่สนใจเข้าลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อหวังเพิ่มเม็ดเงินการลงทุนในพื้นที่อีอีซี

ขณะเดียวกันจากที่มีนักลงทุนต่างประเทศสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซี จึงได้พิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น โดยที่ประชุมได้พิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของภาครัฐและการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนพัฒนาที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม ด้วยการปรับปรุงขั้นตอนและระยะเวลาการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)จะเชิญกรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) ร่วมเสนอแนะแนวทางการจัดทำผังเมืองใหม่ระดับอำเภอให้สอดคล้องกับแผนผังอีอีซี รวมทั้งเชิญสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เข้าร่วมเสนอแนะปรับปรุงขั้นตอนการจัดทำรายงาน EIA นิคมอุตสาหกรรม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ

พร้อมกันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานถึงแผนการขับเคลื่อนรวมถึงเร่งรัดการส่งมอบโครงการ โดยเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐาน 4 โครงการหลัก (EEC Project Lists) ให้เสร็จตามแผนงานได้แก่ 1.โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ที่ประชุมเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่ส่วนที่เหลือ ช่วงพญาไท - บางซื่อภายในเดือนพฤษภาคม 2567 ขณะที่พื้นที่อื่นมีความพร้อมสำหรับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงและพื้นที่เชิงพาณิชย์แล้ว อยู่ระหว่างเอกชนคู่สัญญาส่งเอกสารไปที่บีโอไอ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)จะเร่งรัดเอกชนคู่สัญญาให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2567

2.โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกที่ประชุมเร่งรัดให้กองทัพเรือประกาศจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ ภายในเดือนธันวาคม 2566 พร้อมทั้งเร่งรัดให้ สกพอ.ร.ฟ.ท. และเอกชนคู่สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาสรุปแผนงานร่วมกันเพื่อให้สมบูรณ์ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา

3.โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3ที่ประชุมมีมติให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเร่งรัดและกำกับการก่อสร้างงานถมทะเลให้แล้วเสร็จและส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนคู่สัญญาภายในเดือนพฤศจิกายน 2568คาดว่าการก่อสร้างโครงสร้างท่าเรือในส่วนท่าเรือ F1 จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการปลายปี 2570

4.โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่ประชุมมีมติให้ กนอ. ติดตามการถมทะเลของเอกชนคู่สัญญาให้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2567 คาดว่าการก่อสร้างโครงสร้างท่าเรือก๊าซจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ประมาณต้นปี 2570

////////////////////