สภากาชาดไทยชี้แจงต้นทุนในการจัดเตรียมโลหิตให้มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล เพื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยในการรักษาทั่วประเทศ 

จากประเด็นร้อนบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ (X) เนื่องจากผู้ใช้งานรายหนึ่งออกมาโพสต์ข้อความเรื่องการบริจาคเลือด โดยระบุว่าสภากาชาดรับบริจาคเลือดจากประชาชนไปฟรี ๆ แต่ไม่มีใครได้เลือดฟรียามเจ็บป่วย เพราะเมื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ และจำเป็นต้องใช้เลือด ทางโรงพยาบาลกลับจำหน่ายให้กับผู้ป่วยในราคาถุงละ 2,100 บาท

โดยระบุว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทยให้บริการโลหิตและส่วนประกอบโลหิตแก่โรงพยาบาลเพื่อใช้รักษาผู้ป่วย โดยไม่ได้จำหน่ายหรือคิดค่าโลหิตที่ได้รับจากการบริจาค ไม่หวังสิ่งตอบแทนของผู้บริจาคโลหิตทั่วประเทศ เพื่อให้การซื้อขายโลหิตในประเทศหมดไป ตามหลักการองค์การอนามัยโลก และหลักการกาชาดสากล 

ซึ่งโลหิตที่ได้รับจากการบริจาคที่นำไปรักษาผู้ป่วยจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่มีค่าบริการที่เกิดจากค่าใช้จ่ายในกระบวนการ คือค่าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ในการรับบริจาคโลหิต เช่น ถุงบรรจุโลหิต หลอดเก็บตัวอย่างโลหิต น้ำยาตรวจหมู่เลือด ,ค่าใช้จ่ายการผลิตส่วนประกอบโลหิตในการปั่นแยกโลหิตให้เป็นส่วนประกอบโลหิตชนิดต่างๆ ได้แก่ เม็ดเลือดแดงเข้มข้น พลาสม่า เกล็ดเลือด เป็นต้น,ค่าใช้จ่ายในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ,ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาส่วนประกอบโลหิตชนิดต่างๆ ,การขนส่ง และค่าใช้จ่ายในการควบคุมคุณภาพตามระบบ iso และ GMP ที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้อัตราค่าบริการโลหิตจะถูกกำหนดโดยกรมบัญชีกลาง ซึ่งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จะนำมาเทียบเคียงให้เทียบเท่าหรือต่ำกว่าเกณฑ์กลางตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายด้านอาคารสถานที่ รถออกหน่วยเคลื่อนที่ และอื่นๆที่รวมแล้วสูงกว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บ โดยส่วนที่ขาดศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติจะรับผิดชอบทั้งหมด ประกอบกับได้รับงบประมาณดำเนินการบางส่วนจากรัฐบาลมาช่วยเหลือ พร้อมย้ำว่าศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทยไม่ได้จำหน่ายโลหิตบริจาค แต่มีการคิดค่าบริการตามต้นทุนค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมโลหิตให้มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล เพื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยที่ต้องการรับโลหิตในการรักษา โดยกำหนดค่าบริการโลหิตให้โรงพยาบาลเป็นอัตราเดียวกันทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน มีการใช้อัตราค่าบริการจากกรมบัญชีกลาง ทั้งนี้โรงพยาบาลจะมีการคิดค่าใช้จ่ายตามต้นทุนในการจัดเตรียมโลหิตให้กับผู้ป่วยเพิ่มเติม ตามอัตราที่แต่ละโรงพยาบาลกำหนด