สำหรับความเป็นมาของ AARM จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2534 (1991) จากแนวความคิดของ ผบ.ทบ.มาเลเซียที่กล่าวว่า “กองทัพบกของอาเซียนควรจะทำกิจกรรมทางทหารร่วมกันซักอย่างหนึ่ง” เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางทหารนอกเหนือไปจากการปฏิบัติภารกิจร่วมกันด้านการฝึกและด้านความมั่นคงอื่นๆ จึงเป็นที่มาของข้อตกลงร่วมกันในการให้มีการจัดทดสอบยิงปืนทางยุทธวิธี ทบ.กลุ่มประเทศอาเซียนขึ้น โดยมี ทบ.มาเลเซียเป็นเจ้าภาพในครั้งแรก (AARM 1991) ซึ่งในตอนนั้น ทบ.แต่ละประเทศจัดทีมยิงปืนเข้าทำการทดสอบโดยใช้อาวุธที่ประจำการของแต่ละกองทัพมาทดสอบตามกติกาที่เจ้าภาพกำหนด โดยในช่วงแรกนั้นมีประเทศสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศที่หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพได้แก่ ทบ.บรูไน, ทบ.อินโดนีเซีย, ทบ.มาเลเซีย, ทบ.ฟิลิปปินส์, ทบ.สิงคโปร์ และ ทบ.ไทย หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ และต่อมาใน AARM 1997 (2540) ซึ่งเป็นการเริ่มวงรอบที่สอง จึงได้มีการนำกติกาที่เป็นกลางและเป็นมาตรฐานมาใช้ในการทดสอบโดยแบ่งความรับผิดชอบให้ ทบ.แต่ละประเทศออกแบบรายการทดสอบแต่ละประเภทอาวุธแล้วนำมาพิจารณาร่วมกันจนได้ข้อสรุปออกมาเป็นกติกาที่ยึดถือใช้กันและมีการปรับปรุงมาเป็นลำดับ

และมาถึงปี 2543 (AARM 2000) ทบ.ไทยเป็นเจ้าภาพ ได้มีการเชิญ ทบ.กลุ่มประเทศอาเซียนเข้าร่วมจนครบ 10 ประเทศ (ทบ.กัมพูชา, ทบ.ลาว, ทบ.เมียนมา และ ทบ.เวียดนาม) และริเริ่มให้มีการจัดประชุม ผบ.ทบ.อาเซียน ASEAN Chief of Armies Multilateral Meeting (ACAMM) ขึ้นเป็นครั้งแรกและเป็นมาตรฐานปฏิบัติต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

ต่อมาในปี พ.ศ.2554 (AARM 2011) เป็นปีที่ ทบ.อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพฯ ในครั้งที่ 21 ได้ริเริ่มให้มีการจัดประชุมจ่าอาวุโสกองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียน ASEAN Sergeant Major Annual Meeting (ASMAM) ขึ้นเป็นครั้งแรกโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้นายทหารประทวนกลุ่มอาเซียนได้มีโอกาสทำความรู้จักและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

พ.ศ.2562 (AARM 2019) ทบ.อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพฯ มีการใช้กติกาใหม่ ปรับให้นักยิงปืนมีทักษะหลากหลายขึ้น โดยจัดให้นักยิงปืน ปลย. และ ปลส. เป็นกลุ่มเดียวกันและจัดทีมผสมประเทศเพื่อลดความตึงเครียดของการทดสอบและสร้างบรรยากาศที่ดีในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกำลังพล ทบ.กลุ่มประเทศอาเซียน

พ.ศ.2563 – 2564 เป็นห้วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทบ.บรูไนและ ทบ.เมียนมา ได้งดจัด AARM 2020 และ AARM 2021 แต่ยังมีการจัดประชุม ผบ.ทบ.กลุ่มอาเซียนด้วยระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพ

พ.ศ.2565 (AARM 2022) ครั้งที่ 30 ทบ.เวียดนามเป็นเจ้าภาพฯ ครั้งนี้ ทบ.ไทยส่งทีมยิงปืนทางยุทธวิธีเข้าร่วมการทดสอบและได้รับรางวัลชนะเลิศประเภททีมรวมปืนเล็กสั้นและทีมรวมปืนพก (หญิง)

และในการทดสอบ AARM ครั้งที่ 31 (AARM 2023) ในปีนี้ที่ ทบ.ไทยเป็นเจ้าภาพอีกครั้ง ก็ได้กำหนดรูปแบบการทดสอบใหม่ตามนโยบาย ผบ.ทบ. ที่เน้นความสามัคคี ลดรูปแบบที่เน้นการแข่งขันลง เพื่อให้ความสำคัญในด้านการกระชับความสัมพันธ์และการทำความรู้จักกันระหว่างกำลังพลกลุ่มประเทศอาเซียนให้มากขึ้น และมีรูปแบบการมอบถ้วยรางวัลให้กับทีมผสมหลายชาติ

โดยการทดสอบยิงปืนทางยุทธวิธี ทบ.กลุ่มประเทศอาเซียนครั้งที่ 31 (AARM 2023), การจัดประชุม ผบ.ทบ.อาเซียนครั้งที่ 24 ASEAN Chief of Armies Multilateral Meeting (ACAMM), และการจัดประชุมจ่าอาวุโสกองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียนครั้งที่ 11 ASEAN Sergeant Major Annual Meeting (ASMAM) จะมีขึ้นตั้งแต่ห้วงวันที่ 16 - 25 พ.ย.66  ณ สนามยิงปืนทางยุทธวิธี ทบ. ศูนย์การทหารราบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน จ.เพชบุรี แล้วแอดมินและทีมงานจะทยอยอัพเดทภาพบรรยากาศต่างๆ มาลงกันอีกทีครับ

ดูโพสต์นี้บน Facebook https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02mM3Vwsc1DTz4EQNbLZDbaMPRrHrvFDcjgnaQLSJijeGQpLwJQhcV8DD3EiHubpGol&id=100069981266911&mibextid=qC1gEa

#AARM23 #ACAMM23 #ASMAM23
#SMARTSoldiersStrongArmy