ไบเดนเผยหารือสะท้านโลก นาน 4 ชม. ยันมีความคืบหน้า   จีนขอสหรัฐฯอย่าหนุนอาวุธให้ไต้หวัน   เผยยังคิดว่า "สี" เป็นเผด็จการอยู่ดี 

รายงานวันที่ 16 พ.ย. ถึงความคืบหน้าการพบปะของสองผู้นำชาติมหาอำนาจโลกระหว่าง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา และ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน ซึ่งหารือทวิภาคีนอกรอบ การประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค ครั้งที่ 30 ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันพุธที่ 15 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น  โดยทั้งคู่พูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์สหรัฐ-จีนที่สั่นคลอนต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กรณีไต้หวัน และความร่วมมือทางการทหาร

นายไบเดนกล่าวยกย่องว่าการหารือนานกว่า 4 ชั่วโมงกับนายสีในครั้งนี้เป็น “ความก้าวหน้าที่แท้จริง” แต่ระบุด้วยว่ายังมองนายสีเป็น “เผด็จการ” ในแง่ผู้นำประเทศซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ นอกจากนี้นายไบเดนและนายสียังเดินเล่นชมบรรยากาศสวนของคฤหาสน์ฟิโลลีในเมืองวูดไซด์ซึ่งเป็นสถานที่รับรองสำหรับการหารือนอกรอบ โดยทั้งสองผู้นำมีสีหน้ายิ้มแย้ม พูดคุยกันอย่างใกล้ชิด และโบกมือทักทายกองทัพสื่อมวลชนที่ปักหลักรอทำข่าว   การพบปะครั้งแรกในรอบปีนับตั้งแต่ทั้งคู่พบกันในการประชุมที่อินโดนีเซียเมื่อปลายปี 2565 โดยนายไบเดนกล่าวกับนายสีว่า “เรารู้จักกันมานานแล้ว เราไม่ได้เห็นพ้องต้องกันเสมอไปซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับใครเลย แต่การประชุมของเราเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและมีประโยชน์” พร้อมย้ำว่าการแข่งขันระหว่างกันจะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง ขณะที่นายสีตอบกลับว่าโลกใบนี้ใหญ่พอสำหรับสองประเทศที่จะประสบความสำเร็จ

และไม่นานหลังการหารือช่วงแรกนายไบเดนโพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า “ผมให้ความสำคัญกับการเจรจาในวันนี้กับประธานาธิบดีสี เพราะผมคิดว่าการที่เราเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างชัดเจนระหว่างผู้นำถึงผู้นำเป็นสิ่งสำคัญ มีความท้าทายยิ่งใหญ่ระดับโลกที่ต้องอาศัยความเป็นผู้นำร่วมกัน และวันนี้ เราก็มีความก้าวหน้าอย่างแท้จริง”   สำหรับประเด็นไต้หวันนั้นนายสีขอให้สหรัฐหยุดสนับสนุนอาวุธแก่ไต้หวัน และว่าแผนรวมไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ไม่อาจหยุดยั้งได้ “ฝ่ายสหรัฐควรหยุดติดอาวุธให้ไต้หวัน และสนับสนุนการรวมประเทศอย่างสันติของจีน จีนจะตระหนักถึงการรวมประเทศและนี่คือสิ่งที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้” ด้านนายไบเดนขอให้นายสีเคารพการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในไต้หวัน

นอกจากนี้ทั้งคู่ยังตกลงที่จะเริ่มการเจรจาระดับสูงระหว่างทหารกับทหารอีกครั้ง รวมถึงกรณีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และความร่วมมือในการต่อต้านยาเสพติด   นายสียืนยันกับนายไบเดนด้วยว่าจีนไม่ได้พยายามที่จะเอาชนะหรือโค่นล้มสหรัฐ “สหรัฐไม่ควรวางแผนที่จะปราบปรามและควบคุมจีน จีนจะไม่เดินตามเส้นทางเก่าของการล่าอาณานิคมและการปล้นสะดม และจะไม่เดินตามเส้นทางอำนาจที่ผิดเมื่อประเทศมีความเข้มแข็ง”

นายสียังเตือนอีกว่าไม่พอใจกับนโยบายคว่ำบาตรและมาตรการอื่นๆ ที่สหรัฐมีต่อบริษัทของจีน “การกระทำของสหรัฐส่งผลเสียร้ายแรงต่อผลประโยชน์อันชอบธรรมของจีน ส่วนการปราบปรามด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนกำลังขัดขวางการพัฒนาคุณภาพและลิดรอนสิทธิในการพัฒนาของชาวจีน”

ต่อมานายไบเดนระบุด้วยว่ายังมองนายสีเป็นเผด็จการ “ดูสิ เขาเป็นเช่นนั้น ผมหมายถึงเขาเป็นเผด็จการในแง่ที่ว่าเขาเป็นคนที่บริหารประเทศ ประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ซึ่งมีรูปแบบการปกครองที่แตกต่างไปจากรัฐบาลของเราอย่างสิ้นเชิง” นายไบเดนตอบเมื่อนักข่าวถามว่าจะยังใช้คำว่าเผด็จการซึ่งเมื่อต้นปีนายไบเดนเรียกนายสีด้วยคำนี้อยู่หรือไม่

////////////////////////