มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ประชุมหารือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศ ติดตามช่วยเหลือหญิงชาวไทยที่ถูกหลอกไปทำงาน-ค้าประเวณี ในต่างประเทศ

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมกับ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือเรื่องการช่วยเหลือสาวไทยที่ถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา และถูกหลอกเป็นเหยื่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในเมืองเล้าก์ก่าย เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา

เนื่องจากเหยื่อได้ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ตั้งแต่ต้นปี 66 จำนวน 87 ราย แบ่งออกเป็นคอลเซ็นเตอร์ 62 ราย และถูกบังคับค้ามนุษย์ค้าประเวณี 25 ราย มูลนิธิปวีณาฯ จึงได้ประสาน นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ให้การช่วยเหลือ จึงได้รับแจ้งกลับมาว่า ขณะนี้รัฐบาลเมียนมาได้ให้การช่วยเหลือเหยื่อคนไทย 164 รายแล้ว เราจึงได้ขอให้แจ้งรายชื่อเหยื่อที่ได้รับการช่วยเหลือครั้งนี้เพิ่มเติม เพื่อจะได้แจ้งญาติของเหยื่อที่ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ว่าลูกหลานท่านจะได้กลับบ้านเมื่อใด

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้พูดคุยเรื่องของสาวไทยอายุ 31 ปี ที่ร้องทุกข์ทางเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ซึ่งแจ้งเข้ามาว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองป๊อก ประเทศเมียนมา เพราะถูกหลอกไปทำงาน และถูกบังคับให้ค้าประเวณี ถ่ายคลิปโป๊เปลือยมีเพศสัมพันธ์ เมื่อปฏิเสธจึงถูกจับใส่กุญแจมือขังเดี่ยวอยู่ในห้องถูกซ้อมทำร้ายตบตี ไม่ให้กินข้าวกินน้ำ และถูกใช้ไม้แขวนที่เป็นสแตนเลสฟาดตาม ตัว แขน และขา จนเดินไม่ได้ จึงต้องยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้นายจ้างคนจีน ยอมปล่อยให้ออกมาอยู่ห้องรวม ก่อนจะหนีออกมา และแจ้งให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยพากลับบ้าน

ทางมูลนิธิจึงได้ประสาน อธิบดีกรมการกงสุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ช่วยเหลือหญิงสาวซึ่งคาดว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้

นอกจากนี้ มูลนิธิปวีณาฯ ยังหารือกันเรื่องพาสาวไทย 2 รายที่เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร่วมด้วย เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะมีกรณีที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีเช่นกัน

ระหว่างการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จึงได้ย้ำว่าไม่ว่าใครจะเดินทางทำงานที่ประเทศใด หรือ เป็นไปโดยสมัครใจหรือไม่ แต่ถ้ามีปัญหาต้องช่วยทุกคน  เพราะบางครั้งเขาไปด้วยความยากจน แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี ขายตัว และถ่ายวิดีโอโป๊ ตนจึงเสนอรองนายกรัฐมนตรี ให้มีที่พักพิงหรือเซฟต์เฮาส์ในประเทศหลัก เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน และมาเลเซีย เพราะต้องทำให้พวกเขาเหล่านี้ปลอดภัยก่อน แล้วค่อยเข้าสู่กระบวนการแยกเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ทีหลัง

ทั้งนี้ ระหว่างการสัมภาษณ์ นางปวีณา ได้ต่อสายสัมภาษณ์ นางสาวเอ ที่เป็นเหยื่อในเมืองป๊อก โดยนางสาวเอ เปิดเผยว่า ได้ขอให้ทำใบรับรองการรักษาเป็นภาษาอังกฤษแล้ว นางปวีณา จึงได้ให้คำมั่นกับนางสาวเอ ในการไปรับตัวที่ด่านท่าขี้เหล็ก อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องอื่นๆได้ประสานกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รัฐมนตรี ทุกวัน ฉะนั้น วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เราคุยกับรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีนโยบายและวิสัยทัศน์ที่ดีในการช่วยผู้หญิงและผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ด้าน นายรุจ กล่าวต่อว่า กระทรวงการต่างประเทศรับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณา ทั้งนี้ สำหรับเรื่องที่ 1  เป็นเรื่องของเมืองป๊อก อยู่ทางตอนใต้ของเขตว้า ตอนนี้เหยื่อรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จึงประสานให้ตำรวจเมียนมาให้การช่วยเหลือ นำพาส่งกลับทางไทย ดังนั้น เหยื่อรายนี้จึงน่าจะกลับประเทศไทยได้ก่อน หลังจากรักษาตัวเสร็จ ส่วนกรณีที่ 2 เรายังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า รายชื่อที่มูลนิธิฯ มอบให้นั้นเป็นส่วนหนึ่งใน 162 คนหรือไม่ ซึ่งบางคนไม่มีหนังสือเดินทาง เพราะฉุกละหุก ขณะนี้จึงอยู่ในกระบวนการพิสูจน์สัญชาติ ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ จะแถลงข่าวความคืบหน้าในประเด็นดังกล่าวให้สื่อมวลชนได้ทราบกัน