วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567
30 ต.ค. 2566 11:24 | 892 view
@pracha
"เศรษฐพุฒิ" ชี้ ปมหนี้ประเด็นร้อน บั่นทอนระดับเครดิตไทย
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2567 มีความเสี่ยงต่อการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)และธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ระบุว่า จะเป็นการฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึงในระยะปานกลางขยายตัวได้ในระดับ 3% เป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบ30 ปี เป็นระดับที่ไม่สวยหรูนักโดย ปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว รวมทั้งความเสี่ยงใหม่ เช่น ห่วงโซ่อุปทาน ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน จึงเป็นความเสี่ยงที่ประเมินผลต่อเศรษฐกิจที่มีความยากกว่าในอดีต เพราะมองผลข้างเคียงไม่ออก และคาดเดาไม่ได้
ทั้งนี้ ทั่วโลกมีความเป็นห่วงเรื่องเสถียรภาพของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะไอเอ็มเอฟที่แนะนำว่าแต่ละประเทศ ควรมุ่งเน้นทำนโยบาย ดูแลอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบ เพราะผลจากสงคราม อาจทำให้เกิด Inflation Shock ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้ออาจกลับพุ่งขึ้นมาอีก รวมทั้งควรสร้างกันชนทางภาคการคลัง จากช่วงที่ผ่านมาในแต่ละประเทศมีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคการคลังกันมาก จึงควรมุ่งเน้นลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เร่งปรับหนี้สาธารณะให้ลดลงเพื่อเตรียมรับมือ shock ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมกับดูแลเสถียรภาพด้านการเงินไปด้วย และมุ่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล และ ธุรกิจสีเขียว
นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า ในส่วนของไทย แม้เสถียรภาพโดยรวมจะโอเค แต่ก็ชะล่าใจไม่ได้ เพราะมีบางประเด็นที่โอเค และบางเรื่องที่โอเคน้อยหน่อย เช่น เสถียรภาพต่างประเทศอยู่ในระดับดี ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล หนี้ต่างประเทศไม่สูง ทุนสำรองระหว่างประเทศสูง ฐานะธนาคารพาณิชย์แข็งแกร่ง ส่วนที่ต้องระมัดระวัง คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงถึง 90.7% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)แม้จะลดจากช่วงที่สูงที่สุดคือ 94% แต่ก็ยังสูง และอยากให้กลับลดลงมาอยู่ในระดับเกณฑ์ที่สากล 80% รวมทั้งหนี้สาธารณะปัจจุบันอยู่ในระดับ 61.7% ต่อจีดีพี ที่ถือว่าสูง
ขณะที่เสถียรภาพตลาดทุนที่ผ่านมามีเงินทุนไหลออกตั้งแต่ต้นปี-8.4% หรือมีเงินทุนไหลออกกว่า 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านตลาดหุ้นและพันธบัตร สวนทางกับประเทศอื่น ถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี และสูงเป็นที่ 2 รองจากที่เคยไหลออกสูงสุด 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนก็มีความผันผวน 8-9% สูงกว่าอดีตและประเทศเพื่อนบ้าน เป็นรองแค่ประเทศเกาหลีใต้ที่ผันผวน 12%
“อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่ Credit Rating Agency’s (สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ) มีโอกาสปรับมุมมองของไทยจากมีเสถียรภาพ เป็น มุมมองเชิงลบ (Negative) หากนโยบายภาคการคลังมีความเสื่อม ดังนั้นควรมุ่งลดรายจ่าย ทยอยปรับลดการขาดดุล ปรับลดหนี้สาธารณะ มีมาตรการเพิ่มรายได้ ล่าสุด มีบางบริษัทให้ความกังวลภาระหนี้ต่องบประมาณ ไม่เกิน 12% ซึ่งปัจจุบันไทยอยู่ในระดับ 10% กว่า”นายเศรษฐพุฒิกล่าว
//////////////////////////
ข่าว
20 ก.ย. 2567 15:44 172 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 15:41 105 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 14:02 133 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 13:58 167 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 13:23 151 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 13:22 125 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 13:19 130 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 11:36 161 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 11:34 158 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 11:30 182 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:48 162 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:13 173 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:10 151 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:04 158 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:01 255 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 09:50 191 views