วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567
17 ก.ย. 2567 15:53 | 459 view
@pracha
แย่แล้ว กลุ่มคนปริศนา ยื่นกกต.ส่งศาลสอยครม.อิ๊งค์ยกคณะ ระบุแถลงนโยบายขัดรธน. 162
17 ก.ย.2567 - มีรายงานจาก สำนักข่าวอิศรา ระบุว่าเมื่อวันที่ 14 ก.ย.2567 กลุ่มบุคคลที่ใช้ชื่อว่า คณะนิติชน-เชิดชูธรรม ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และรัฐมนตรีทุกคนในคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสิ้น 36 คน ต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจากอาจขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
กรณีร่วมกันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยขัดต่อกฎหมายสูงสุดของประเทศ มีลักษณะจงใจกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ชัดเจน ไม่ซื่อตรงต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างครบถ้วน และไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับข้าราชการภายใต้การบริหารของตนในเรื่องที่มีความสำคัญ ทำให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนในคณะรัฐมนตรี ไม่เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และอาจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
คำร้องยื่นต่อ กกต.ระบุว่าหลังจากคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 และเสร็จสิ้นการอภิปรายซักถามของสมาชิกรัฐสภาหลังเที่ยงคืนของวันที่ 13 กันยายน 2567 คณะนิติชน-เชิดชูธรรม ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงวันที่ 14 กันยายน 2567 เพื่อขอให้ กกต.ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และรัฐมนตรีทุกคนในคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสิ้น 36 คน ต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ เนื่องจากอาจขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม จากการร่วมกันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยขัดต่อกฎหมายสูงสุดของประเทศ ไม่ได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย มีลักษณะจงใจกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ชัดเจน ไม่ซื่อตรงต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างครบถ้วน และไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับข้าราชการภายใต้การบริหารของตนในเรื่องที่มีความสำคัญ ทำให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนในคณะรัฐมนตรี ไม่เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และอาจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
โดยคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไม่ได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรโดยชัดเจนให้ต้องกระทำ ซึ่งนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หนึ่งในคณะรัฐมนตรีซึ่งดูแลงานด้านกฎหมาย ได้รู้ถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีโดยได้อภิปรายในที่ประชุมรัฐสภาครั้งนี้ว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติให้คณะรัฐมนตรีต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนในคณะรัฐมนตรีจึงรู้หรือควรรู้ว่าจะต้องชี้แจงเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ชี้แจงไว้แม้แต่เพียงเล็กน้อย ซึ่งการไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้เคยเกิดปัญหามาแล้วในรัฐบาลชุดก่อนที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำเช่นกัน ทำให้การดำเนินนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิตอลให้กับประชาชน ต้องเลื่อนไป 6-7 ครั้ง
ทั้งที่เป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่วิกฤตตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีชุดก่อนที่จำเป็นต้องทำทันที แต่ต้องเปลี่ยนแปลงแหล่งที่มาของเงินไปเรื่อย ๆ เป็นเวลาถึง 1 ปี เนื่องจากได้รับการทักท้วงจากองค์กรหรือหน่วยงานสำคัญ ต่างๆ ว่าแหล่งเงินที่จะนำมาใช้อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายครั้งหลายหน และเมื่อจะหันกลับมาใช้งบประมาณปกติก็ไม่มีความเพียงพออีก ตามที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านได้อภิปรายและสรุปการอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา โดยการชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย เป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีตามที่ปรากฏอยู่ในเอกสารความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ที่จัดทำโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการเข้าบริหารประเทศโดยผิดต่อเงื่อนไขตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ทำให้เป็นการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ข่าว
24 พ.ย. 2567 14:52 48 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 14:51 55 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 14:48 50 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 14:44 88 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 14:43 70 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 14:41 50 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 14:38 56 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 11:38 113 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 11:30 142 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 11:28 103 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 11:27 90 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 11:24 90 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 11:22 100 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 11:18 98 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 11:12 104 views
ข่าว
24 พ.ย. 2567 11:04 405 views