วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2567
17 ก.ย. 2567 09:45 | 2815 view
@pracha
“พิชัย” ขอนัดพบผู้ว่าฯ ธปท.เสนอลดดอกเบี้ยแก้บาทแข็ง เติมสภาพคล่อง ยันไม่ได้มีปัญหาอะไรแค่อยากให้เศรษฐกิจดี มึนวิธีคิดไม่ควรเน้นจีดีพี ไม่รู้จบจากไหนพูดเหมือนคนไม่รู้เรื่อง ทั้งที่จีดีพีหมายถึงรายได้ "คลัง" การันตีกลุ่มรับหมื่นบาทเฟส 2 แจกเป็นเงินดิจิทัล ย้ำจำเป็นต้องวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล แจงแจกกลุ่มแรกเป็นเงินสดเพราะต้องการบูม ศก.เร่งด่วน ยันมีงบ 1.87 แสนล้านรองรับ ไม่ทิ้งคนลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ 36 ล้านคน
วานนี้ 16 ก.ย.2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้จะนัดพบกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเสนอ 3 เรื่องให้ ธปท.ช่วยดูแลเศรษฐกิจและการส่งออก ได้แก่ 1.ขอให้ลดดอกเบี้ย เพราะขณะนี้เงินเฟ้อลดแล้ว และสหรัฐอเมริกาก็เตรียมลดดอกเบี้ย จึงควรปรับลง 2.แก้ค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งขณะนี้ค่าเงินแข็งค่าเร็วมากเป็น 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพียงเดือนเดียวแข็งค่าขึ้นถึง 5-6% ผู้ส่งออกจะตายอยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะสินค้าที่มีกำไรไม่สูงอย่างสินค้าเกษตรอาจจะขาดทุนได้ และ 3.ต้องการให้แบงก์ชาติเข้าไปดูแลการเพิ่มเม็ดเงินสภาพคล่องสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันระบบของแบงก์ชาติได้ดูดเงินออกไปมาก จนทำให้เศรษฐกิจขาดสภาพคล่อง โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาแล้ว ก็จะยิ่งอยู่อย่างยากลำบาก
ทั้งนี้ เป้าหมายที่ต้องการไปพบกับผู้ว่าฯ ธปท.ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ ธปท. แค่อยากให้เศรษฐกิจดี โดยหากเศรษฐกิจไทยโต 5-6% โตร้อนแรง ก็ไม่มีประเด็น แต่ตอนนี้จีดีพีโตเพียง 1.9% และส่วนใหญ่ก็เป็นรายได้ของเศรษฐี คนจนแทบไม่มีรายได้ แต่แบงก์ชาติกลับไม่ทำอะไร ทั้งที่จริงควรเข้ามามีบทบาท ช่วยกันคิดช่วยกันทำเพื่อเศรษฐกิจ ไม่ใช่มีหน้าที่กำกับดูแลอย่างเดียว หรือพอรัฐบาลจะทำอะไรก็คอยแต่จะค้าน อยากให้ดูเหมือนสหรัฐฯ ก็ยังมีมาตรการคิวอี ใส่เงินไปหลายรอบจนเศรษฐกิจฟื้นกลับมาได้
“ตอนนี้ค่าเงินบาทแข็งไป แบงก์ชาติกรุณาช่วยด้วย และไม่เข้าใจวิธีคิดของแบงก์ชาติ งงที่แบงก์ชาติบอกว่าไม่ควรเน้นจีดีพี ไม่รู้ท่านจบจากไหน พูดเหมือนคนไม่รู้เรื่อง ทั้งที่จริงจีดีพีหมายถึงรายได้ หากคนไม่มีรายได้จะมีความสุขได้อย่างไร โดยที่ผ่านมาประเทศไทยเน้นการทำนโยบายแบบคู่ขนาน หรือดูอัลแทร็ก คือการสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตทั้งคนระดับบนและระดับล่าง ซึ่งเรื่องนี้นโยบายการเงินของแบงก์ชาติจะมีความสำคัญมาก และมากกว่านโยบายทางการคลังเสียอีก” นายพิชัยกล่าว
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบการจ่ายเงินให้กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคน ตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต และหลังจากนั้นจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับความชัดเจนของโครงการทั้งหมดด้วย ทั้งนี้ภายหลังการปิดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนลงทะเบียนราว 36 ล้านคน โดยหลังจากนี้คงไม่มีการขยายเวลาลงทะเบียนแล้ว กำหนดการยังเป็นไปตามเดิม โดยภาพรวมทั้งหมดมีประชาชนประสงค์เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 41-42 ล้านคน จากกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน และประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ 36 ล้านคน โดยหลังจากนี้ก็ต้องมาตรวจสอบว่าทั้ง 2 กลุ่มมีชื่อซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อตรวจสอบทั้งหมดแล้วจะเหลือผู้ได้รับสิทธิ์อีกราว 24-25 ล้านคน
“อยากให้ใจเย็นๆ โดยเฉพาะเฟส 2 อยากให้รอความชัดเจนหลัง ครม.ประชุมในวันที่ 17 ก.ย. ส่วนเฟสแรกยืนยันว่าจะทยอยจ่ายวันละ 4-5 ล้านคน ใช้เวลาจ่ายราว 4 วัน เพราะเวลาจะเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เมื่อรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายมีกี่คนโดยประมาณ และงบประมาณมีอย่างไร เอามาจากไหน และที่จะเติมวันไหน เริ่มจ่ายวันไหน ซึ่งระบบมีข้อจำกัด ดังนั้นก็อยากชี้แจงว่าคงจ่ายวันเดียวไม่เสร็จ ก็ต้องทยอยจ่ายไป” รมว.การคลังระบุ
ส่วนกรณีที่มีการเลื่อนประกาศรายชื่อประชาชนที่ได้รับสิทธิ์จากวันที่ 22 ก.ย.ออกไปนั้น รมว.การคลังยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไม่มีเงิน รัฐบาลมีเงินอย่างแน่นอน แต่เมื่อเรามีเงินจำกัดก็ต้องรู้จักใช้เงินให้ถูกจังหวะและเหมาะสม เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีการท้วงอยู่เรื่อยว่า ทำไมไม่เอาเงินไปดูแลปัญหาโครงสร้างที่เรามีอยู่ก่อน ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นจะต้องพิจารณาให้มันเกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ผู้เข้าร่วมโครงการเฟส 2 จะไม่ได้รับเป็นเงินสด จะได้รับเป็นเงินดิจิทัล เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นจะต้องบรรลุวัตถุประสงค์ ในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนั้นการเดินหน้าแอปพลิเคชันที่เป็นดิจิทัลวอลเล็ตจึงยังมีความจำเป็น ส่วนเฟสแรกที่ได้รับเป็นเงินสดนั้น เนื่องจากมีข้อร้องเรียนมาว่าอยากให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดได้โดยเร็ว อยากได้เป็นเงินสด รัฐบาลก็ยินดีปรับให้ เพราะกลุ่มที่อยู่ในเฟสแรกจะมีการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่ดีพอ มีการใช้จ่ายค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลมีงบประมาณปี 2568 วงเงิน 1.87 แสนล้านบาทรองรับอยู่แล้ว ดังนั้นเงินจะถึงมือประชาชนทุกคนอย่างแน่นอน ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไร จะเดินหน้าอย่างไร จะมีการชี้แจงภายหลังการประชุม ครม.ในวันที่ 17 ก.ย. ส่วนเฟส 2 จะพยายามจ่ายให้เป็นเงินดิจิทัล 100% โดยกรอบคงอยู่ปีหน้าอย่างแน่นอน
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเลื่อนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสำหรับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เนื่องจากประเมินว่าประชาชนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเปราะบาง ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับเงินกลุ่มแรกในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ซึ่งท้ายที่สุดเชื่อว่ากลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนจะเหลือน้อยมากๆ จึงจำเป็นจะต้องเลื่อนการลงทะเบียนออกไปก่อน
“รัฐบาลไม่ได้ยึกยักอะไร เพียงแต่ว่ามีกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนที่ด่วนกว่าเข้ามาแทรก ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมีกระบวนการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ 36 ล้านคน เอามาหัก 14.5 ล้านคนว่าเหลือเท่าไหร่ด้วย มันลบกันตรงๆ ไม่ได้ มีขั้นตอนการทำงานภายในอีก ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ทิ้ง 36 ล้านคน" นายลวรณกล่าว.
ข่าว
22 พ.ย. 2567 16:42 196 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 14:47 118 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 14:45 124 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 14:42 126 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 14:39 121 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 14:35 123 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 13:50 117 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 12:09 175 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 11:53 135 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 11:36 140 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 10:57 142 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 10:20 169 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 09:52 191 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 09:31 175 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 09:25 167 views
ข่าว
22 พ.ย. 2567 09:22 171 views