นายกฯลงพื้นที่ให้กำลังใจ ชาวแม่สาย พร้อมสวมกอดปลอบขวัญ ยืนยัน "ไม่ทิ้งชาวแม่สาย" แม้สิ่งของจะหายไป   แต่รัฐบาลจะไม่ทิ้งทุกคน

ที่จ.เชียงราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางถึงบริเวณหน้าด่านพรมแดนแม่สาย แห่งที่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย ด้วยรถยนต์ TOYOTA VSLLFIRE ทะเบียน 9 กฆ 3882 กรุงเทพมหานคร เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

โดยเมื่อเดินทางถึงนายกฯได้เดินไปพบและขอบคุณนายกษิดิศ ธีระประทีป แชมป์โลกเจ็ตสกีที่ ขับเจ็ตสกีฝ่ากระแสน้ำเชี่ยว เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดค้างอยู่ในพื้นที่

จากนั้นนายกฯ รับฟังรายงานสถานการณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ อ.แม่สาย พร้อมสอบถามว่าประชาชน ที่ติดในพื้นที่มีเท่าไหร่ และอาหารที่เข้าไปเพียงพอหรือไม่ รวมถึงคนที่พร้อมจะออกจากพื้นที่ จะสามารถนำออกมาได้แค่ไหน และเรือท้องแบนหรือพาหนะที่จะนำออกมาเข้าถึงได้หรือไม่ รวมถึงมีจุดไหนที่ไม่ไหว

ด้านตัวแทนเจ้าหน้าที่ทหารได้รายงานว่า ตอนนี้มีกำลังทหารและชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยซีล เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งยังมีประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่และอาหารเข้าไม่ถึง และบางจุดต้องใช้เจ็ตสกีและผู้ชำนาญจริงๆ จึงจะเข้าไปได้

นอกจากนี้ ตัวแทนเจ้าหน้าที่ทหาร ยังรายงานถึงผลกระทบว่า กระแสน้ำรวมถึงเรื่องของการช่วยเหลือและการอพยพคน การนำส่งอาหาร สำหรับประชาชนที่ยังติดค้างอยู่ในบ้านเรือน ซึ่งในเรื่องนี้นายกฯมีความกังวล เรื่องของการช่วยเหลือคนโดยเฉพาะคนในพื้นที่ ที่ยังน้ำท่วมสูงหนัก และ ช่วยเหลือลำบาก โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเกาะทราย บ้านเมืองแดง บริเวณตลาดไม้ลุงขน ซึ่งยังมีน้ำท่วมสูง และกระแสน้ำเชี่ยวที่ยังยากลำบาก

ทั้งนี้ตัวแทนเจ้าหน้าที่ทหาร กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ที่การช่วยเหลือลำบากไม่ว่าจะเป็นการอพยพคนหรือการส่งเสบียงอาหาร ได้มีการส่งเฮลิคอปเตอร์และหน่วยรบพิเศษ เข้าพื้นที่เพื่อชี้เป้าหมายให้กับเฮลิคอปเตอร์ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ตรงจุด วันนี้จะมีการนำรถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV)ของกองทัพเรือเข้าช่วยเหลืออีกด้าน คาดว่า สามารถ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดอยู่อย่างน้อย 300 คน อย่างไรก็ตามนายกฯได้ขอบคุณ ทหารที่เข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่วันแรก

จากนั้นนายกฯ ได้เดินไปยังสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 (แม่สาย) ตรวจสอบสภาพความเสียหายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม และดินโคลนถล่ม โดยพบว่าแม่น้ำจะลดลงแล้วแต่ยังมีดินโคลนจำนวนมาก ถือเป็นจุดเศรษฐกิจชายแดนซึ่งได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

ต่อมานายกฯ เข้าไปทักทายพูดคุยและให้กำลังใจกับชาวบ้านที่ได้รับ ซึ่งในช่วงจังหวะนี้นายกฯมีอาการน้ำตาคลอเป็นระยะ เพราะสงสารชาวบ้าน โดยช่วงหนึ่งนายกฯได้เข้าไปสวมกอดชาวบ้าน เพื่อให้กำลังใจ ซึ่งชาวบ้านต่างพากันดีใจได้เจอนายกฯ บางคนถึงกับร่ำไห้และสวมกอด โดยชาวบ้าน บอกว่า “แค่อ้อมกอดของนายกฯก็พอแล้ว”

ด้านนายกฯ ตอบกลับว่า “นี่ก็เป็นกำลัง ใจเหมือนกันจะรีบกลับไปทำงาน ดูในเรื่องชดเชยว่าจะช่วยเหลืออะไรตรงไหนได้บ้าง” ซึ่งชาวบ้านบอกกับนายกฯอีกว่า “อย่าทิ้งกัน” นายกฯจึงกล่าวย้ำว่า “ไม่ทิ้งอยู่แล้ว”

จากนั้น ในเวลา  12.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังวัดพรหมวิหาร ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่จัดทำศูนย์พักพิง และได้พูดคุยกับผู้ประสบภัย โดยทันทีที่ประชาชนได้พบกับนายกรัฐมนตรีหลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ความเป็นอยู่ และความเสียหายที่ได้รับที่ได้รับ ทำให้นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปอบกอดให้กำลังใจ และบอกว่า เข้าใจว่าทุกคนต่างรักทรัพย์สินของตนเอง และรับปากว่า รัฐบาลจะช่วยเหลือเยียวยาให้ดีที่สุด 

นอกจากนี้ ผู้สูงอายุ 2 คน ยกมือไหว้นายกรัฐมนตรีก่อนบอกว่าไม่เหลืออะไรแล้ว ไปหมดแล้ว ทำให้นายกรัฐมนตรีกล่าวให้กำลังใจ ว่า “ยังเหลือชีวิตอยู่“ กับเหลือกำลังใจ พร้อมชื่นชมว่าเก่งมาก ๆ ก่อนที่ผู้สูงอายุทั้ง 2 คน บอกว่า ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตาแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้บอกว่า ขอให้อดทนอีกนิด เพราะกระแสน้ำเริ่มเบาลงแล้ว 

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังได้เข้าไปคุยกับหญิงชาวไทยใหญ่ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอด โดยได้สอบถามว่าจะคลอดเมื่อไหร่ และขอให้สุขภาพแข็งแรงทั้งแม่ และลูก ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยได้พูดแซว ว่า ต้องตั้งชื่อลูกที่มีอักษร อ.อ่าง เพราะวันนี้มีทั้งนายกฯชื่อ อิ๊งค์ และรองนายกฯชื่อ อ้วน มาให้กำลังใจ 

ทั้งนี้ ในระหว่างการพูดคุยกับผู้ประสบภัย นายกรัฐมนตรี มีอาการน้ำตาคลอจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินตรวจเยี่ยมชมโรงครัวจิตอาสา พร้อมให้กำลังใจจิตอาสา และโชว์ฝีมือถือตะหลิวร่วมทำเมนูกะหล่ำปีผัดไข่กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้บอกว่าเมนูนี้เป็นเมนูโปรด ที่เด็ก ๆ ก็ทานได้  ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินตรวจเยี่ยมโรงครัวพระราชทาน และร่วมทำเมนูไก่กระเทียม

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบถุงยังชีพของสำนักนายกรัฐมนตรีให้กับผู้ประสบภัย พร้อมกล่าวว่า ได้ทราบปัญหาที่ทุกคนเผชิญภัยน้ำท่วมในรอบนี้ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนมาก การลงพื้นที่วันนี้จึงอยากให้กำลังใจทุกคน และอยากจะเน้นย้ำว่าขณะนี้มีหน่วยงานความมั่นคง ทหาร จิตอาสาที่ได้เข้ามาช่วยเหลือทุกคน รวมถึงผู้ที่ยังติดอยู่ในบ้านเรือน ด้วยการส่งน้ำและอาหาร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำว่าลดลงแล้ว ดังนั้นคนที่ติดอยู่ จะมีโอกาสได้รับการช่วยเหลือเพิ่มขึ้น ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีจึงได้เน้นย้ำไปว่า หากช่วยเหลือไม่ได้ ต้องมีการส่งน้ำและอาหารเข้าไปอย่างทั่วถึง

ขณะเดียวกัน ขอพูดจากใจว่า ทุกคนเก่งมาก เพราะทุกคนยังยิ้มอยู่ ซึ่งตนทราบว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนเดือดร้อน บางคนถึงขั้นพูดว่าไม่เหลืออะไรแล้ว สูญเสียไปหมด แต่อยากบอกว่าตอนนี้ยังเเหลือชีวิต เหลือกำลังใจ เหลือความหวัง จึงขอให้ภูมิใจในตัวเองด้วยว่าเป็นคนเก่ง เพราะเจอเรื่องราวมากขนาดนี้ก็ยังยิ้มได้และยังรักกันได้อยู่ ดังนั้นทุกคนเก่งมากๆ ซึ่งตนเองและคณะรัฐมนตรี หลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการเยียวยา ดูแลบ้านเรือนที่มีดินโคลนถล่ม ซึ่งจะเร่งดูแลทำความสะอาด ให้ทุกคนได้กลับบ้านโดยเร็วที่สุด 

ส่วนเรื่องการเยียวยา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะต้องเข้าถึงทุกๆคนโดยเร็ว เพราะทุกคนรออยู่ แต่ขอให้อดทนเพราะตอนนี้สถานการณ์กำลังดีขึ้น พร้อมย้ำว่า ขอให้กำลังใจด้วยความจริงใจ ส่วนใครอยากจับมือ ถ่ายรูป หรือ ขอกอดกันสักทีก็ได้ เพื่อเป็นการส่งกำลังใจให้กันและกัน จากใจคณะรัฐมนตรี แม้วันนี้จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรกันอยู่ แต่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็ได้มีการส่งกำลังใจมาให้กัน จึงขอให้ทุกคนมีแรงและกำลังใจมากๆ