วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567
26 ต.ค. 2566 10:40 | 1137 view
@pracha
‘จุลพันธ์’รับแจกเงินหมื่น‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ดีเลย์แน่นอน พร้อมกาง‘3 เกณฑ์’ตัดผู้ไม่ได้รับสิทธิ์ ขึงรายได้ตัดขอบ ขีดเส้นใช้ได้ภายในอำเภอ เคาะใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก จ่อผูกพัน 4 ปี แจงตัดช่องกู้ออมสิน ชี้ขัดข้อกฎหมาย เตรียมโยน‘เศรษฐา’ตัดสินใจ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานกรรมการคณะอนุกรรมการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีความเห็นปรับเงื่อนไขการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้สามารถใช้ได้ ภายในอำเภอ จากเดิมรัศมี 4 กิโลเมตร เพราะเห็นว่าเป็นพื้นที่ไม่ใหญ่เกินไป มีร้านค้าเพียงพอ อย่างไรก็ดี ยอมรับว่ายังมีความเห็นแตกต่างในที่ประชุม ที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ซึ่งจะต้อง เสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานตัดสินใจอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพราะมีมุมมองที่แตกต่าง
“มาตรการนี้เป้าหมายคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องการให้คนเข้าร่วมจำนวนมาก การสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และเศรษฐกิจโตต่ำกว่าศักยภาพ ประชาชนขาดกำลังซื้อ โดยตรงนี้ยืนยันเบื้องต้นก่อนว่าเป็นสิ่งที่มาจากนโยบายรัฐบาล ตามกรอบคือการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือเรื่องใด ๆ เลย เพราะเวลาการเลือกตั้งผ่านมานานแล้ว ยืนยันว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเป้าหมายแรกของโครงการนี้ อีกข้อเสนอ ก็มีข้อสเนอให้เอาคนรวยออก คณะทำงานก็ต้องพยายามหาคำจำกัดความ” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังมีหลายประเด็นที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกัน เป็นหนึ่งในวาระที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ และต้องส่งให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณา โดยมีความเห็นแตกต่างใน 2 ส่วน คือ 1. เมื่อตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องการให้คนร่วมมาก ๆ แบ่งเบาภาระประชาชน จึงมีข้อเสนอให้คัดคนรวยออก ซึ่งก็ต้องไปหาคำจำกัดความของส่วนนี้ ซึ่งจะมีการเสนอให้คณะกรรมการตัดสินใจรวม 3 ทางเลือก คือ
1.ให้สิทธิ์เฉพาะผู้ยากไร้ ราว 15-16 ล้านคน โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณราว 1.5 แสนล้านบาท
2.ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 25,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 1 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.3 แสนล้านบาท
3.ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 50,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 5 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.9 แสนล้านบาท
“เมื่อมีความเห็นต่างกันก็เป็นหน้าที่คณะกรรมการชุดใหญ่ตัดสินใจ เรามีหน้าที่นำเสนอทั้ง 3-4 ทางเลือก มีหน้าที่ในการแสวงหาแนวทางเพื่อเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณา” นายจุลพันธ์ กล่าว
สำหรับประเด็นการยืนยันตัวตน เป็นไปตามสิทธิ์ ครอบคลุมทั้ง บุคคลธรรมดา นิติบุคคล กองทุนหมู่บ้าน และวิสาหกิจชุมชน ใช้จ่ายได้ประเภทสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ส่วนระบบการขึ้นเงินได้สำหรับร้านค้าในระบบภาษี 3 ประเภท ทั้งร้านค้าในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เงินได้นิติบุคคล และ บุคคธรรมดา
ทั้งนี้ ในส่วนของแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินการนั้น ยอมรับว่าเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันในหลากหลายแนวทาง ทั้งการใช้งบประมาณแผ่นดิน การใช้เงินกู้ และการใช้กลไกอื่น ๆ เช่น มาตรการกึ่งการคลัง โดยโจทย์ของฝ่ายนโยบายที่คิดไว้ตั้งแต่ต้น คือการใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก กลไกดำเนินการคือผ่านพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ ซึ่งมีข้อเสนอให้ดำเนินการโดยใช้งบผูกพัน เช่น หากโครงการ 4 แสนล้านบาท ก็ตั้งงบผูกพัน 4 ปี โดยเบิกจ่ายปีละ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นการขึ้นเงินของร้านค้าก็อาจจะต้องชะลอไป ซึ่งอาจต้องมีการกำหนดในเงื่อนไข ตรงนี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะเสนอให้มีการพิจารณาอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ในส่วนของการกู้เงินเพื่อมาใช้ในโครงการนั้น ก็จะบรรจุในแนวทางที่จะเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาด้วยเช่นกัน แต่ยืนยันว่าตรงนี้จะเป็นทางเลือกท้าย ๆ เช่นเดียวกับการใช้มาตรการกึ่งการคลัง ผ่านมาตรา 28 พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง โดยยืนยันว่าในส่วนนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับธนาคารออมสินแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะติดขัดข้อกฎหมาย กรอบอำนาจหน้าที่ไม่ครอบคลุมการดำเนินการ
ทั้งนี้ เราเป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐสภา กลไกการใช้งบประมาณแผ่นดินจึงเป็นตัวเลือกแรก เพราะโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการอนุมัติโดยตัวแทนประชาชน ทั้ง สส. และ สว. กลไกของแหล่งเงินนี้เป็นกลไกที่รัฐบาลเลือกมาโดยตลอด แต่ก็ต้องมาพิจารณาตามกรอบข้อเท็จจริง อยู่ ๆ จะมีงบ 5.6 แสนล้านบาท ยัดเข้าไปทีเดียวในงบประมาณปี 2567 ปีเดียวเลยคงไม่ได้ ต้องมาบริหารจัดการให้โครงการสามารถเดินหน้าได้ภายใต้กรอบกฎหมาย ภายในกรอบงบประมาณที่จำกัด รัฐบาลจะไม่มีการตัดโครงการลงทุน หรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ ทั้งหมดต้องเดินควบคู่กันภายใต้การบริหารจัดการให้ดีที่สุด ส่วนถามว่าจะเป็นภาระต่อหนี้สาธารณะหรือไม่นั้น ต้องบอกว่า เป็นการขาดดุลตามกรอบงบประมาณที่วางแผนไว้ ไม่มีผลกระทบต่อตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ และการเลือกใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก ก็ถือเป็นทางเลือกที่มองแล้วน่าสนใจจริง ๆ
“เรายืนยันว่าจะใช้กรอบงบประมาณแผ่นดินเป็นหลักเหมือนเดิมตามที่ฝ่ายนโยบายได้เคยให้โจทย์ไว้ ส่วนเรื่องออมสินคงไม่เกี่ยวข้องแล้ว เพราะติดขัดข้อกฎหมายและกรอบอำนาจหน้าที่ไม่ครอบคลุม ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อมาพิจารณาเรื่องกรอบงบประมาณปี 2567 ซึ่งอาจจะล่าช้าไปราวเดือน เม.ย. -พ.ค. 2567 ก็ยอมรับว่าโครงการแนวโน้มน่าจะดีเลย์ในระดับหนึ่งจากเดิมวันที่ 1 ก.พ.2567 แต่ก็มีข้อดีคือเราจะมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น ในเรื่องความปลอดภัย กระบวนการทดสอบระบบก็มากขึ้น ส่วนจะเริ่มได้เมื่อไหร่ อย่าเพิ่งสรุป แต่รัฐบาลจะพยายามบริหารจัดการให้ดีที่สุด” นายจุลพันธ์ กล่าว
////////////////////
ข่าว
20 ก.ย. 2567 15:44 191 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 15:41 112 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 14:02 137 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 13:58 173 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 13:23 156 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 13:22 129 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 13:19 134 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 11:36 165 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 11:34 163 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 11:30 187 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:48 166 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:13 177 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:10 156 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:04 162 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 10:01 260 views
ข่าว
20 ก.ย. 2567 09:50 195 views