"โฆษก กต." เผย "นายกฯ" เตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุมศูนย์ประสานงานช่วยเหลือคนไทย พรุ่งนี้ พร้อมประสานสายการบินเร่งอพยพคนไทย 400 คนต่อวัน ชี้ นำร่างผู้เสียชีวิตกลับไทยล่าช้า เพราะต้องพิสูจน์อัตลักษณ์ ย้ำ คนไทยไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักฮามาส

วันที่ 14 ต.ค. 66 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และการอพยพคนไทยในพื้นที่ฉนวนกาซา และประเทศอิสราเอล ว่า สถานการณ์การสู้รบภายในพื้นที่ยังคงรุนแรง มีความห่วงกังวลในการเข้าพื้นที่ของทางการอิสราเอล ที่ได้ประกาศให้พลเรือนที่อยู่ทางภาคเหนือของฉนวนกาซาอพยพออกภายใน 24 ชม. ซึ่งคนที่อพยพออกมาก็มีจำนวนที่น้อยมาก ขณะที่กลุ่มฮามาสก็ได้ออกมาบอกว่าเป็นสงครามจิตวิทยา ขอให้ทุกคนยังอยู่ในที่เดิม โดยเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายกำลังจับตามองอยู่ และเป็นสิ่งทั้ง 2 ฝ่ายสูญเสียเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดกองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่า ได้มีการส่งกองทัพเข้าไปในฉนวนกาซา ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับชายแดนอิสราเอล เพื่อพยายามค้นหาตัวประกัน โดยทางผู้ประสานงานหาตัวประกันของรัฐบาลอิสราเอล ระบุว่า ทางการอิสราเอลก็พยายามประสานเพื่อทจะนำตัวประกันออกมา ขณะนี้อยู่ในภาวะสงครามการดำเนินการใดๆ ย่อมจะทำได้ยาก รวมถึงทางการอิสราเอลอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อส่งสิ่งของต่างๆ ให้กับตัวประกัน แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่ากลุ่มฮามาสจะยอมรับหรือไม่

ขณะที่ มีตัวเลขผู้เสียชีวิตคนไทย เป็นไปตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ และที่ทางการอิสราเอลได้แจ้งว่า มีผู้เสียชีวิตชาวไทยเพิ่มอีก 3 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตชาวไทยแล้ว 24 ราย และผู้บาดเจ็บ เพิ่มเติมจากเมื่อวาน อีก 2 ราย เป็น 16 ราย รวมถึงตัวประกันชาวไทยขณะนี้อยู่ที่ 16 ราย 

สำหรับร่างของผู้เสียชีวิต กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ยังต้องใช้เวลา เพราะสถานทูตได้ติดต่อกับ ผู้จัดการบริษัทของทางการอิสราเอล ที่ได้มอบหมายให้จัดการเรื่องของร่างผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติในเหตุการณ์ครั้งนี้ ขอให้เร่งรัดกระบวนการต่างๆ ส่งกลับภูมิลำเนา ซึ่งผู้จัดการฯ แจ้งว่า ตระหนักดีการเร่งจัดการกระบวนการ แต่เนื่องจากมีศพชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็รับปากว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด และทางการอิสราเอลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดกลับภูมิลำเนาของผู้เสียชีวิต แต่ทั้งหมดก็จะต้องมีกระบวนการต่างๆ ในการพิสูจน์อัตลักษณ์ ในสถานการณ์ปกติทางการอิสราเอลใช้ระยะเวลา 7 วัน แต่เมื่ออยู่ในสภาวะสงครามจะใช้ระยะเวลามาก

ส่วนเรื่องของการดำเนินการภารกิจอพยพคนไทย สายการบิน Fly Dubai จะเดินทางมาถึงสนามบิน อู่ตะเภาพรุ่งนี้ ในเวลา 07:25 น. ที่จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และผู้แทนกองทัพเรือไปให้การต้อนรับ และจะเดินทางมาถึงที่ SC Park ประมาณ 10:00 น. ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะไปดูแลถึงสนามบินอู่ตะเภา เมื่อมาถึงจะหน่วยงานที่เกี่ยวเข้าให้การดูแล โดยได้ตั้งเป้าว่าจะมีผู้ที่เดินทางกลัยมาในเที่ยวบินนี้ ประมาณ 100 ราย แต่มีการเดินทางมาขึ้นเครื่องขณะนี้ 91 ราย ซึ่งจะต้องรอติดตามว่าจะเดินทางมาขึ้นเครื่องครบหรือไม่ แต่เบื้องต้นทราบว่ามี 2 รายจากในจำนวนดังกล่าว แสดงความประสงค์ว่าจะอยู่ต่อ ก็ต้องรอการยืนยันตัวเลขต่อไป

ส่วนในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค. 66) ทางสถานทูตจะอพยพคนไทยด้วยเครื่องบินของทอ. จะออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟในเวลา 13:00 น. และมาถึง บ.น.6 ดอนเมือง ในวันที่ 16 ต.ค. เวลา 04:00 น. จำนวนทั้งสิ้น 137 ราย ขณะเดียวกัน ผลการประชุมในวันนี้ รัฐบาลก็กำลังเร่งหาเที่ยวบินพิเศษ เพื่อให้อพยพคนไทย สามารถเดินทางได้ประมาณ 400 คนต่อวัน เพื่อให้สามารถอพยพได้ตามเป้าหมาย โดยในวันพรุ่งนี้ จะมีสายการบินของอิสราเอลที่คนไทยเดินทางกลับมา ตั้งเป้าไว้ประมาณ 250 คน และรัฐบาลจะจัดเที่ยวบินพิเศษของกองทัพไทย และการบินไทยบินไปรับ รวมถึงอยู่ระหว่างการประสานงานสายการบิน

ทั้งนี้ สถานทูตได้จองโรงแรมในกรุงเทลอาวีฟ ไว้เพื่อเป็นสถานที่พักพิงของผู้อพยพชั่วคราว จำนวน 100 ห้อง และเมื่อช่วงเช้าทางทูตอิสราเอลได้ร่วมเดินทางกับไปรับคนไทยที่อพยพ ซึ่งส่วนหนึ่งได้เข้าที่พักแล้ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนไทยที่เดินทางกลับมาเมื่อวานนี้ มีจำนวน 56 คน ซึ่งทุกคนเดินทางกลับภูมิลำเนาปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

ส่วนภาพรวมของผู้อพยพชาวไทย มีการแสดงความประสงค์ขอเดินทางกลับ จำนวน 7,058 ราย และมีบางส่วนที่แสดงความประสงค์ขออยู่ต่อ โดยในวันพรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่กระทรวงการต่างประเทศ ในเวลา 16:00 น. เพื่อติดตามการทำงานของทุกหน่วยงาน ซึ่ง นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญ และติดตามสถานการณ์ของคนไทยอย่างใกล้ชิด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มคนไทยที่รอดชีวิตกลับมา ได้เปิดเผยว่า กลุ่มฮามาสได้พูดภาษาไทยเพื่อล่อให้ออกมาจับเป็นตัวประกันนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่า คนไทยไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายพิเศษ เนื่องจากสถานการณ์สงคราม การจับกุมคนต่างๆ ไป คือคนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นคนอิสราเอล หรือคนต่างชาติ แต่คนไทยไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายในการทำร้าย จากเรารับฟังจากฝ่ายต่างๆ 

ส่วนกรณีที่กลุ่มฮามาสออกมาเปิดเผยว่า มีตัวประกันเสียชีวิต จำนวน 13 รายจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล จะมีคนไทยรวมอยู่ในนั้นด้วยหรือไม่ นางกาญจนา ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และยังไม่ทราบว่าทีใครบ้าง “ซึ่งเราก็หวังว่า ไม่อยากให้ใครถูกฆ่าตาย ไม่ว่าจะชาติไหน” ซึ่งต้องมีการติดตามข่าวต่อไปว่าจะมีการเปิดเผยรายชื่อหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แผนการโจมตีทางภาคพื้นดินของอิสราเอล จะกระทบกับต่อตัวประกันมากขึ้นหรือไม่ นางกาญจนา ตอบว่า ในแง่ของการดำเนินยุทธการทางทหารภาคพื้น ก็จะมีผลกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ก็คาดเดาว่าตัวประกันอาจจะถูกจับกุมกระจายตัวอยู่ตามอุโมงค์ใต้ดินต่างๆ ถือเป็นส่วนนึงที่ทุกคนกังวล ซึ่งทางสหรัฐอเมริกา และสหประชาชาติได้ขอให้มีการขอให้อิสราเอลชะลอการดำเนินการภาคพื้นดินออกไปก่อน