สหประชาชาติ’เผยประชากรกว่าแสนต้องไร้ที่อยู่อาศัย วอน‘อิสราเอล-ฮามาส’ไม่โจมตีเป้าหมายพลเรือน

สำนักข่าว UPI  สหรัฐอเมริกา -  เสนอข่าว United Nations: More than 185,000 displaced during Hamas-Israeli fighting ระบุว่า นับตั้งแต่กลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566นำไปสู่การปะทะกันของทั้ง 2 ฝ่าย มีประชากรต้องละทิ้งที่อยู่อาศัยเพื่อหาสถานที่พักพิงอื่นที่ปลอดภัยแล้ว 187,518 คน ตามรายงานของสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA)

ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศเกือบ 137,500 คนกำลังหลบภัยอยู่ในโรงเรียนของหน่วยงานบรรเทาทุกข์และการทำงานของสหประชาชาติ 83 แห่งทั่วฉนวนกาซา ในขณะที่อีกจำนวนมากกำลังมองหาที่พักพิงในขณะที่การโจมตีทางอากาศยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ สหประชาชาติพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้บริการขั้นพื้นฐานแก่ผู้พลัดถิ่น อย่างไรก็ตาม สภาพการณ์ต่างๆ เป็นเรื่องยาก เนื่องจากศูนย์พักพิงบางแห่งมีผู้คนหนาแน่นเกินไป และน้ำดื่มมีจำกัด

เจ้าหน้าที่กล่าวว่าพวกเขากำลังประสานงานกับโครงการอาหารโลกเพื่อแจกจ่ายขนมปังให้กับผู้พลัดถิ่นในสถานสงเคราะห์ แต่ความเสียหายจากสงครามทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ยาก สำนักงานสนามของหน่วยงานบรรเทาทุกข์และการทำงานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA)  ฉนวนกาซา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับชาติและนานาชาติประจำอยู่ ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ริมัลใจกลางเมืองกาซา สถานที่ปฏิบัติงานของ UNRWA ได้รับผลกระทบทั้งหมด 18 แห่งนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2566

โวลเกอร์ เติร์ก (Volker Turk) ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า ออกคำวิงวอนเร่งด่วนให้ประเทศสมาชิกเรียกร้องให้อิสราเอลและฮามาสคลี่คลาย “ถังผง (Powder Keg)” ของความรุนแรงในพื้นที่อารมณ์ความรู้สึก อีกทั้งเรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมด และขอให้พลเรือนไม่ตกเป็นเป้าหมายในความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่

“เรารู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า การสูญเสียชีวิตชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ และความทุกข์ทรมานอันประเมินค่าไม่ได้ที่เกิดขึ้นกับทั้งสองชุมชน ทุกฝ่ายจะต้องเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ พวกเขาจะต้องยุติการโจมตีที่มีเป้าหมายเป็นพลเรือนทันที และการโจมตีที่คาดว่าจะก่อให้เกิดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของพลเรือนอย่างไม่สมส่วน หรือความเสียหายต่อวัตถุของพลเรือน กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศมีความชัดเจน พันธกรณีที่จะต้องดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาประชากรพลเรือนและวัตถุของพลเรือนยังคงมีผลบังคับใช้ตลอดการโจมตี” เติร์ก กล่าว

/////////////////////