กองทัพบกจัดพิธีเทิดเกียรติ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ และพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบก

กองทัพบกจัดพิธีเทิดเกียรติ และอำลาชีวิตราชการจากกองทัพบก ของ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พิธีรับ-ส่งหน้าที่และมอบการบังคับบัญชาผู้บัญชาการทหารบก ระหว่าง พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ กับ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ รองผู้บัญชาการทหารบก ณ กองบัญชาการกองทัพบก

ในการนี้ กองทัพบกได้จัดพิธีเทิดเกียรติและมอบของที่ระลึกแด่ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ณ หอประชุมกิตติขจร มี พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ รองผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธาน โอกาสนี้ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ได้กล่าวคำอำลาชีวิตราชการจากกองทัพบก “โดยภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพบกในการรับใช้ประเทศชาติ แม้จะต้องอำลาจากกองทัพบก แต่จะยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ทหาร รวมทั้งสำนึกในบุญคุณของกองทัพบกที่ได้สร้างความเป็นทหารอาชีพ โดยพร้อมจะสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ทหารรุ่นต่อไป ได้มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ เพื่อปกป้องรักษาความมั่นคงของชาติ เทิดทูนในสถาบัน พระมหากษัตริย์ และดูแลช่วยเหลือประชาชนต่อไป”

จากนั้นเข้าสู่พิธี รับ-ส่งหน้าที่ และมอบการบังคับบัญชา ผู้บัญชาการทหารบก โดยผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกอบพิธีลงนามเอกสารรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบก ณ ห้องพระบารมีปกเกล้า และเดินทางไปยังห้องรับรอง 221 เพื่อประกอบพิธีมอบหน้าที่การบังคับบัญชา โดยเจ้ากรมกำลังพลทหารบก ได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม โอน พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เข้ารับราชการในหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ ด้วยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ พร้อมเรียนเชิญ ผู้บัญชาการทหารบก และ รองผู้บัญชาการทหารบก ประกอบพิธีรับ - ส่งหน้าที่ และมอบการบังคับบัญชา ตลอดจนส่งมอบธงประจำกองทัพบก เพื่อให้การรับ-ส่งหน้าที่ และมอบการบังคับบัญชาเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้ในพิธีดังกล่าว มีผู้บังคับบัญชาระดับสูง และกำลังพลภายในกองบัญชาการกองทัพบกร่วมเป็นเกียรติในพิธีฯ ด้วย

โดย พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ได้กล่าวต่อกำลังพล ตอนหนึ่งว่า “กระผมขอให้คำมั่นว่า จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ด้วยความรับผิดชอบที่มีต่อชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน โดยจะสานต่อนโยบายของท่านผู้บัญชาการทหารบกให้มีความต่อเนื่อง และบรรลุผลสำเร็จ พร้อมทั้งจะปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความเป็นธรรม จะก้าวเดินร่วมกันไปกับกำลังพลทุกระดับ เพื่อพัฒนากองทัพบกให้มีศักยภาพรอบด้าน เป็นหลักด้านความมั่นคงที่เข้มแข็งให้กับชาติบ้านเมืองสืบไป”ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีดังกล่าวแล้ว จึงประกอบพิธีแสดงมุทิตาจิตแด่ผู้บัญชาการทหารบก ณ ห้อง 321 และพิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าหอประชุมกิตติขจร

พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ลำดับที่ 42 ตั้งแต่ ตุลาคม ปีพ.ศ. 2563 - ตุลาคม ปี พ.ศ.2566 รวมระยะเวลา 3 ปี มีนโยบายและผลงานที่สำคัญหลายด้าน อาทิ การให้ความสำคัญต่อทหารกองประจำการและนายทหารชั้นประทวน ให้ได้รับประโยชน์สูงสุด และเน้นย้ำการให้ความเป็นธรรมแก่กำลังพล การพัฒนาระบบการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ด้วยการส่งเสริมการสมัครใจมากขึ้น เพื่อลดจำนวนการเกณฑ์ทหารลง การเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ยากไร้ที่มีใจรักในอาชีพทหารสามารถสมัครเข้ารับการคัดเลือกอย่างเท่าเทียม ส่งเสริมให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ทหารของหน่วยเพื่อปลูกฝังให้กำลังพลและครอบครัวได้เรียนรู้และเกิดความภาคภูมิใจในชาติไทย จัดสร้าง “กำแพงอนุสรณ์กองทัพบก” ขึ้น ภายในกองบัญชาการกองทัพบกเพื่อให้เป็นที่นำเสนอการปฏิบัติภารกิจทางทหารของกองทัพบก และอุทิศให้แก่กำลังพลผู้เสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตในการรักษาอธิปไตยของชาติ การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เสริมสร้างความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ การพิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ การเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส และผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนเพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยตามเจตนารมณ์ที่ย้ำให้กำลังพลยึดถือคือ “พิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน” 

พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 23 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 34 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 74 และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 61 รับราชการครั้งแรกในตำแหน่งผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นราชองรักษ์เวร ในปี 2542 จากนั้นจึงได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญของกองทัพบก อาทิ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ในปี 2545 ผู้บังคับการกรมหทารราบที่ 21 รักษาพระองค์ในปี 2555 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ในปี 2559 แม่ทัพน้อยที่ 1 ในปี 2562 และแม่ทัพภาคที่ 1 ในปี 2563 จนกระทั่งปี 2564 ได้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชา การทหารบก ปี 2565 ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก และปี 2566 ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก ท่านที่ 43 เป็นตำแหน่งสูงสุดของกองทัพบก