พีระพันธุ์ หารือกรมศุลฯ ถอดโครงสร้างราคาพลังงาน หวังลดราคาน้ำมันพิเศษช่วยเหลือกลุ่มเกษตร- ขนส่ง พร้อมสั่ง กกพ. ยืดหนี้ กฟผ. ลดค่าไฟเหลือ 3.99 บ./หน่วย

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าพบนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เพื่อหารือข้อมูลการนำเข้าน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูปตั้งแต่ต้นทาง เพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างราคาพลังงาน สู่การจัดทำมาตรการดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม 

ภายหลังหารือ นายพีระพันธุ์ ระบุว่า กระทรวงพลังงานเป็นผู้กำหนดนโยบายด้านพลังงาน แต่กลับไม่มีข้อมูลที่จำเป็น จึงต้องมาดูต้นทุนจริงของผู้ประกอบการว่าอยู่ส่วนใดบ้าง หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมด จะจัดทำมาตรการลดราคาน้ำมันพิเศษให้เฉพาะกลุ่ม เช่น เกษตรกร และภาคขนส่ง เช่นเดียวกับกลุ่มประมงที่มีน้ำมันเขียว ที่ซื้อราคาน้ำมันถูกกว่าน้ำมันทั่วไป ตนจะเร่งสรุปมาตรการให้เร็วที่สุด รวมทั้งนำไปปรับโครงสร้างราคาพลังงานระยะยาว เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน ยืนยันว่าจะไม่เป็นภาระของประชาชนในอนาคตตามข้อกังวลของนักวิชาการ 

ส่วนการเปิดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี ยืนยันว่าไม่ได้ทำในเชิงการค้า แต่เปิดโอกาสให้บางกลุ่มที่นำเข้านำน้ำมันสำเร็จรูปได้ เช่น ภาคขนส่ง หากรวมตัวกัน และหาแหล่งซื้อน้ำมันสำเร็จรูปที่มีราคาถูกกว่า จะช่วยลดต้นทุนขนส่งให้ถูกลง ส่วนแนวทางการลดค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปี ขณะนี้ได้ให้ กกพ. ไปพิจารณา โดยจะยืดหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ออกไปอีก จากเดิมชำระคืนหนี้ 5 งวด และเมื่อคำนวนกับค่าไฟฟ้าฐานแล้วจะต้องอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย

ด้านอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวด้วยว่า กรมฯได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นถึงอัตราภาษีที่กรมจัดเก็บ 2 ส่วน คือ ภาษีนำเข้าน้ำมันที่กรมฯ จัดเก็บอยู่ ร้อยละ 0.01 และภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ปัจจุบันไทยนำเข้าน้ำมันจากอาหรับเอมิเรตเป็นหลัก ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ปี 2566 มีการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 5 หมื่นล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 78,000 ล้านบาท ส่วนน้ำมันสำเร็จรูป นำเข้าอยู่ที่ 7 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 5,593 ล้านบาท และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 500 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 1,700 ล้านบาท ส่วนการเปิดเสรีนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป ปัจจุบันกฎหมายเปิดให้นำเข้าได้อยู่แล้ว โดยต้องยื่นจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ หากรัฐบาลจะทำนโยบายดังกล่าวก็สามารถดำเนินการได้เลย