สื่อในแดนมะกะโรนีหลายสำนัก รายงานว่า ปอล ป็อกบา กองกลางของ ยูเวนตุส มีผลการตรวจสารกระตุ้นเป็นบวก หลังเกมที่ต้นสังกัด บุกไปเอาชนะ อูดิเนเซ่ 3-0 ในนัดแรก ศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

อิตาลี เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยที่เจ้าตัวมีชื่อเป็นตัวสำรอง แต่ไม่ได้ถูกส่งลงสนาม ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริง ดาวเตะรายนี้ จะถูกลงโทษแบนยาวราว 2-4 ปีเลยทีเดียว

ดาวเตะวัย 30 ปี ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการกลับมาลงเล่นให้กับทัพ ม้าลาย อีกครั้ง หลังจากหมดสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปีที่แล้ว โดยต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บและความฟิต ทำให้เขาลงสนามไปได้เพียงแค่ 10 นัดเท่านั้น ส่วนในฤดูกาลปัจจุบัน เขากลับมามาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง และ ลงสนามเป็นตัวสำรองสองนัดหลังสุดของ ยูเว่ ก่อนพักเบรกทีมชาติ

อย่างไรก็ตาม เวลานี้เขาเผชิญกับโอกาสที่จะถูกสั่งห้ามลงแข่งเป็นเวลานาน เนื่องจากผลการตรวจสาร เทสโทสเตอโรน ในร่างกายเกินกว่ากำหนด ด้าน สปอร์ต มีเดียเซ็ต ระบุว่า เขาจะถูก ยูเว่ สั่งพักงาน เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน และมีเวลาสามวันในการยืนยันผลการตรวจที่ชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งหากยังตรวจพบเหมือนเดิม เขาจะถูกสอบสวนโดยศาลต่อต้านการใช้สารต้องห้ามแห่งชาติ ซึ่งอาจสั่งลงโทษแบนเขานานถึงสองปี

ไม่เพียงเท่านั้นหากศาลพิสูจน์ได้ว่า การถูกกล่าวหาว่ามีการใช้สารกระตุ้นนั้นเป็นความตั้งใจของนักเตพะ การสั่งห้ามดังกล่าวอาจขยายออกไปเป็นสี่ปีก็ได้ ซึ่ง เทสโทสเตอโรน ถือเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเพิ่มขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงการฟื้นตัวจากการออกกำลังกายได้เร็วขึ้น มียาหลายชนิดที่มี ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน และยังสามารถพบได้ในรูปแบบของการฉีดและเจลอีกด้วย

สำหรับ ป็อกบา ยังไม่ได้ให้ความเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับการทดสอบสารกระตุ้นและ ยูเวนตุส ก็ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์เช่นกัน โดยข่าวนี้ถือเป็นอีกปัญหาใหญ่สำหรับนักเตะที่กำลังพยายามทำให้อาชีพการเล่นของเขากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เนื่องจากต้องเผชิญฝันร้ายมาโดยตลอดนับตั้งแต่อำลา โอลด์ แทรฟฟอร์ด มายังถิ่นตูรินเป็นคำรบสอง