NASA แถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับ ‘ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่อาจระบุได้’ (Unidentified Anomalous Phenomena : UAP) พร้อมกับเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการสังเกตการณ์ทางเทคนิคและวิทยาศาสตร์ ความยาว 36 หน้า ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ในโลกโซเชียล จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ # มนุษย์ต่างดาว ในประเทศไทย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ ( National Aeronautics and Space Administration) หรือ องค์การนาซา (NASA) จัดงานแถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับ ‘ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่อาจระบุได้’ (Unidentified Anomalous Phenomena : UAP) พร้อมกับเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการสังเกตการณ์ทางเทคนิคและวิทยาศาสตร์ ความยาว 36 หน้าออกมาด้วย

โดยนาซาเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบจากบุคคลที่ระบุว่าได้พบเห็น UFO หรือวัตถุบินที่ไม่อาจระบุได้ แต่ไม่พบหลักฐานว่าเอเลี่ยนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้เหล่านี้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามคงไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเรื่องจริง เพราะยังไม่มีเหตุผลที่จะสรุปว่า สิ่งมีชีวิตนอกโลกเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพบเห็นปรากฏการณ์ UAP หลายร้อยกรณีที่นาซาดำเนินการสืบสวน อย่างไรก็ตามวัตถุเหล่านั้นต้องเดินทางผ่านระบบสุริยะของเราเพื่อมาถึงที่นี่ และถึงแม้ว่ารายงานจะไม่ได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตนอกโลก แต่คงไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมีเทคโนโลยีเอเลี่ยนที่ไม่รู้จัก กำลังปฏิบัติการอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก

ด้าน น.ส.นิโคลา ฟ็อกซ์ ผู้ช่วยผู้บริหารของกองอำนวยการภารกิจอวกาศ (Science Mission Directorate) ของนาซา ระบุว่า “UAP เป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับที่สุดของโลก ด้วยเหตุผลหลักคือ การขาดข้อมูลคุณภาพสูง แม้จะมีรายงานการพบเห็นมากมาย แต่ข้อมูลมักไม่มากพอใช้เพื่อหาข้อสุปที่แน่นอนทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับธรรมชาติและต้นกำเนิดของ UAP ทั้งนี้ นาซาจึงแต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัย UAP คนใหม่ จะทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเทคโนโลยีที่ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่เข้มแข็ง สำหรับการประเมินข้อมูลในอนาคต โดยผู้อำนวยการรายนี้จะใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กับแมชีนเลิร์นนิง (machine learning) ในการรวบรวมข้อมูลและกระบวนการวิเคราะห์ และแบ่งปันข้อมูลที่มีความโปร่งใสมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม นาซา ทิ้งท้ายว่า ความท้าทายใหญ่ที่สุดในการทำความเข้าใจและระบุตัวตนของ UAP คือการขาดข้อมูล นาซาตั้งใจจะอุดช่องว่างดังกล่าวด้วยวิธี crowdsourcing หรือ การกระจายปัญหาไปยังกลุ่มคนเพื่อค้นหาคำตอบและวิธีการในการแก้ปัญหานั้น วิธีดังกล่าวรวมถึงการออกแอปพลิเคชันแบบ โอเพนซอร์ซ (open-source) บนสมาร์ทโฟน และเก็บข้อมูลเมตาดาตา (metadata) จากผู้สังเกตการณ์พลเรือนทั่วโลกผ่านสมาร์ทโฟน เพราะปัจจุบันยังไม่มีระบบมาตรฐานสำหรับการรวบรวมและจัดระเบียบรายงานเกี่ยวกับการพบเห็น UAP จากประชาชน ส่งผลให้ข้อมูลที่ได้รับมาขาดแคลนและไม่สมบูรณ์

ทั้งนี้ นาซาตัดสินใจไม่เปิดเผยตัวตนของผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย UAP คนใหม่ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับบทบาท หนึ่งในเหตุผลที่ต้องปกปิดตัวตนก็เพื่อปกป้อง ผอ.คนใหม่จากการคุกคามจากสังคม

หลังจากที่นาซาแถลงข่าวจบในกลางดึกที่ผ่านมา พบว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกระแสของโลกโซเชียล ถึงกับติดเทรนด์ทวิตเตอร์ #มนุษย์ต่างดาว ส่วนใหญ่มีการพูดถึงนาซา ว่า นาซาไม่ได้สรุปให้ชัดเจนว่ามีหรือไม่มีมนุษย์ต่างดาวกันแน่ แต่กระแสโซเชียลส่วนนึงมั่นใจว่า โลกอาจจะไม่ใช่สถานที่มีสิ่งมีชีวิตแห่งเดียวในกาแซคซี่ แต่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธ์อื่นที่อาศัยยู่นอกโลก ส่วนโครงกระดูกที่นำมาเปิดเผย น่าจะเป็นของปลอม โครงกระดูกน่าจะนำมาผสมกันของสิ่งมีชีวิตในโลกของเราเองไม่ใช่จากต่างดาว