นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือถึงแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 5.6 แสนล้านบาท ว่า มีการพูดถึงหลาย ๆ ช่องทางที่จะสามารถนำมาใช้ได้ เช่น นำมาจากงบประมาณของรัฐบาลทั้งหมด จากการจัดเก็บรายได้ที่สูงกว่าเป้าหมาย รวมถึงการหยุดจ่ายเงินในส่วนท็อปอัพในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งหลายส่วนจะทยอยหมดอายุลง ตรงนี้ก็จะไม่มีการต่อให้ และจะดึงวงเงินมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแทน ส่วนเงินอุดหนุนที่ผู้ถือบัตรจะได้คนละ 300 บาทนั้น ยังได้ตามปกติ เนื่องจากมีการกันวงเงินงบประมาณไว้เรียบร้อยแล้ว และอีกส่วนที่อยู่ระหว่างการหารือคือการใช้วงเงินตามมาตรา 28 ตามกรอบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลัง แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการดึงเงินของรัฐวิสาหกิจมาใช้แน่นอน รวมถึงไม่เคยมีการหารือถึงการขายหุ้นกองทุนรวมวายุภักษ์เพื่อมาใช้ในโครงการดังกล่าวด้วย โดยรายละเอียดทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการหารือ แต่มีช่องที่จะดำเนินการได้อย่างแน่นอน
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น เบื้องต้นได้รับการยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ และไม่จำเป็นต้องมีการออกเกณฑ์ หรือแก้เกณฑ์อะไร เนื่องจากเป็นการจ่ายเงินผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน และเงินที่อยู่ในดิจิทัลวอลเล็ตนั้นก็มีมูลค่าสิทธิ์เทียบเท่ามูลค่าเงินบาท คือ 1 บาทดิจิทัล เท่ากับ 1 บาท และดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลดำเนินการ ก็ไม่ใช่สกุลเงินดิจิทัล จึงไม่สามารถนำไปเก็งกำไรได้
///////////////////