5 ก.ย. 2566 – นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อสรุปผลการคัดเลือกแนวสายทางที่เหมาะสม โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทนตอน N1 ว่าที่ผ่านมาการทางพิเศษฯ ได้มีการศึกษารายละเอียดและได้ประสานงานทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อลดผลกระทบในการก่อสร้าง โดยงานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม
สำหรับแนวทางที่ดีที่สุดซึ่งเป็นแนวทางเลือกซึ่งเลือกแนวสายทางที่ 2.2 เป็นแนวสายทางที่เหมาะสมที่สุดมีลักษณะเป็นอุโมงค์ใต้ดินทั้งหมด ซึ่งจะมีการปรับวงเงินก่อสร้างจากเดิมขึ้นคาดว่างบประมาณก่อสร้าง 36,000 ล้านบาท โดยจุดเริ่มต้นบริเวณทางพิเศษศรีรัชตัดกับถนนงามวงศ์วาน แนวสายทางจะไปตามแนวถนนงามวงศ์วานผ่านแยกพงษ์เพชร แยกบางเขน แยกเกษตร เข้าถนนประเสริฐมนูกิจจนเชื่อมต่อกับโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 และเชื่อมต่อ E-W Corridor ซึ่งจะได้นำไปศึกษาอย่างละเอียดในขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ตามแผนกำหนดคาด่าจะศึกษาแล้วเสร็จปี2567 พร้อมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในปี 2568 โดยในปี 2569เริ่มเปิดประมูลโครงการ เริ่มก่อสร้างในปี 2570 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 5ปี แล้วเสร็จปี 2575 โดยคาดการณ์ปริมาณจราจรปีเปิดบริการที่ 7 หมื่นคัน/วัน ขณะที่สายทางมีความจุประมาณ 1.4 แสนคัน/วัน เบื้องต้น กทพ.จะลงทุนเอง โดยใช้รายได้มาดำเนินการ ซึ่งฐานะการเงินของกทพ.มีความแข็งแกร่ง จะดูกระแสเงินสด หากไม่พอ จะระดมทุนเข้ามาช่วย เช่น ออกบอนด์ เป็นต้น
“งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทนตอน N1 มีความมุ่งหมายที่สำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาการจราจราจรบริเวณแยกเกษตร ถนนงามวงศ์วาน ถนนประเสริฐมนูกิจ และพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษที่เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างพื้นที่ด้านตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพมหานครให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังเป็นการรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตของเมืองในอนาคตได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพต่อไป” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย ประกอบด้วย บริษัทอินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ดีเคด คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้ทำการศึกษาคัดเลือกแนวสายทางที่เหมาะสมของโครงการ โดยพิจารณาเปรียบเทียบความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมและจราจร เศรษฐกิจและการลงทุน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม ส่วนทดแทนตอน N1 มีความมุ่งหมายที่สำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาการจราจราจรบริเวณแยกเกษตร ถนนงามวงศ์วาน ถนนประเสริฐมนูกิจ และพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษที่เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างพื้นที่ด้านตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพมหานครให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังเป็นการรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตของเมืองในอนาคตได้อย่าง
สำหรับทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ใช้เวลาในการศึกษามากกว่า 25 ปี เนื่องจากมีการปรับแนวเส้นทางและรูปแบบให้เหมาะสมที่สุด โดยรูปแบบม.เกษตร ซึ่งจะเป็นอุโมงค์ทางด่วนสายแรกของประเทศที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 เมตร ซึ่งใหญ่ กว่าอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน โดยภายในจะมีอุโมงค์ใต้ดิน 2 ชั้น เป็นถนนขนาด 2 ช่องจราจร ซ้อนกันอยู่ ประเมินระดับความลึกที่สุด อยู่ที่ประมาณ 44 เมตร จากผิวดิน หรือเท่าๆ กับระดับความลึกอุโมงค์รถไฟฟ้าสีน้ำเงินช่วงลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา และมีจุดระบายอากาศ จุดอพยพ 4 จุด โดยประเมินค่าก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดิน สูงทางด่วนยกระดับประมาณ 5 เท่า